ENERGY

ก้าวใหม่เทคโนโลยีขั้นสูง กฟผ. จับมือ สทน. ลงนาม MOU ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชัน พัฒนาต้นแบ
POSTED ON 25/04/2562


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

กฟผ. และ สทน. ลงนาม MOU ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชัน พร้อมร่วมมือออกแบบและพัฒนาระบบประกอบของเครื่องโทคาแมคให้เป็นเครื่องต้นแบบของประเทศ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรการวิจัยด้านพลาสมาและฟิวชันไทยให้พร้อมสำหรับก้าวใหม่ของเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกหลากหลายด้าน

 

นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปี ที่ผ่านมา กฟผ. ได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศให้มีความมั่นคง มีเสถียรภาพ และเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชน ด้วยการผสมผสานพลังงานที่หลากหลาย และให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติกับหน่วยงานวิจัยภายนอกอยู่เสมอ ซึ่งเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชันถือเป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างสูงในหลากหลายประเทศ เป็นแหล่งพลังงานในอนาคตที่มีความสะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กฟผ. จึงได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชัน เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในด้านเทคโนโลยีฟิวชัน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ทันต่อสถานการณ์พลังงานที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

 

สำหรับ MOU ฉบับนี้ มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี โดย กฟผ. และ สทน. มีความร่วมมือระหว่างกัน อาทิ ร่วมกันศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชัน เพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม เพื่อยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชัน การร่วมกันจัดอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการด้านดังกล่าวแก่บุคลากรของทั้งสองฝ่าย ตลอดจนสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเฉพาะทาง รวมถึงร่วมมือกันออกแบบและพัฒนาระบบประกอบของเครื่องโทคาแมค ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการกักเก็บพลาสมาด้วยสนามแม่เหล็กและใช้ในการศึกษาวิจัยเรื่องเทคโนโลยีฟิวชัน โดยผสานความเชี่ยวชาญด้านวิศกรรมไฟฟ้าและการออกแบบระบบไฟฟ้าของ กฟผ. กับความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของ สทน. เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชันของประเทศต่อไป ทั้งนี้ ในอนาคตอาจสามารถใช้เทคโนโลยีฟิวชัน ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาดใช้ในการผลิตไฟฟ้าได้สำเร็จ

 

ด้าน ดร.พรเทพ นิศามณีพงษ์ ผู้อำนวยการ สทน. เปิดเผยถึงกรอบความร่วมมือว่า กฟผ. และ สทน. จะร่วมกันวิจัยและพัฒนาศักยภาพของระบบจ่ายพลังงาน ระบบควบคุมและเก็บข้อมูล ระบบวัดคุณสมบัติของพลาสมาขั้นพื้นฐาน และระบบสุญญากาศของเครื่องโทคาแมค เพื่อเป็นเครื่องต้นแบบสำหรับประเทศไทย รวมถึงพัฒนาเครื่องกำเนิดพลาสมาเชิงเส้นต้นแบบที่มีอุณหภูมิและความหนาแน่นของพลาสมาตามมาตรฐาน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประโยชน์หลากหลายด้าน อาทิ การผลิตวัสดุทนความร้อนสูงเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมการใช้เครื่องพลาสมาทางการแพทย์ ตลอดจนการเกษตร และการพัฒนาระบบควบคุมความเร็วสูง นอกจากนั้น ยังเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรภายในประเทศมีองค์ความรู้ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชัน ซึ่งเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญต่อการวิจัยด้านเทคโนโลยีขั้นสูง