ENERGY

IES เดินหน้าลงทุนวินด์ฟาร์มในลาว พร้อมหาผู้ร่วมทุนเพิ่ม
POSTED ON 01/07/2559


พลังงานอุตสาหกรรม 30 มิ.ย.2559 - นายณัฐ หุตานุวัตร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อิมแพค อิเลคตรอนส์ สยาม จำกัด (IES) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมที่จะเจรจากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อเสนอขายไฟฟ้าราว 600 เมกะวัตต์ จากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในลาวที่บริษัทฯอยู่ระหว่างกำลังจะพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 52,500 ล้านบาท โดยล่าสุดได้แหล่งเงินลงทุนจาก IFC และ ADB ขณะที่ในส่วนของเทคโนโลยีเลือกใช้ของเวสทัส (Vestas) ผู้ผลิตกังหันลมชั้นนำจากเดนมาร์ก

 

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อให้ได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายใน 1-2 ปีจากนี้ เพื่อจะได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการ เนื่องจากเชื่อว่าด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำจะสามารถเสนอขายไฟฟ้าได้ต่ำกว่าโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ โดยบริษัทฯได้เซ็นสัญญาเพื่อพัฒนาโครงการ (Project Development Agreement - PDA) กับรัฐบาลของ สปป.ลาว ไปตั้งแต่เมื่อเดือน ส.ค.2558 แล้ว

 

นายณัฐ กล่าวว่า "เรามองโอกาสของลมในลาวเหมือนเป็นการเติมน้ำในเขื่อน เวลาเขื่อนไม่มีน้ำก็สามารถใช้ไฟจากลมก่อนในการผลิตไฟฟ้าและเก็บน้ำไว้ใช้ในยามจำเป็น เป้าหมายของเราคือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมให้มีต้นทุนที่ถูกกว่าโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ เพื่อเป็นทางเลือก และยืนยันว่าเราจะไม่ขอ subsidy ค่าไฟฟ้าจากโครงการนี้"

 

โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการมอนสูน วินด์ พาวเวอร์ ขนาดกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ แต่เมื่อเทียบเท่าปริมาณพลังงานไฟฟ้าในส่วนที่ไม่เกิน Capacity Factor (อัตราส่วนร้อยละของปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจริงในรอบ 1 ปี เปรียบเทียบกับผลคูณของขนาดกำลังการผลิตติดตั้งและจำนวนชั่วโมงทั้งหมดในหนึ่งปี) จะอยู่ที่ราว 30% หรือสามารถผลิตไฟฟ้าได้จริงเพียง 200 เมกะวัตต์เท่านั้น แต่ระดับดังกล่าวนับว่าสูงกว่าโครงการพลังงานลมในไทยซึ่งผลิตกันอยู่ที่ราว 20%

 

สำหรับโครงการมอนสูน วินด์ พาวเวอร์ มีพื้นที่พัฒนาโครงการราว 400,000 ไร่ ตั้งอยู่ในแขวงเซกอง และแขวงอัตตะบือ ประเทสลาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพลมที่เหมาะสม ปัจจุบันมีสัญญาพัฒนาโครงการจากรัฐบาลลาวแล้ว และได้รับหนังสือแจ้งเจตจำนง (Letter of Intent:LOI) จากบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ในวงเงิน 1,050 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 36,750 ล้านบาท) ขณะที่การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ดำเนินการเรียบร้อยและอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลลาว โดยโครงการมีเป้าหมายจะเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2563 ซึ่งจะนับเป็นโครงการพลังงานลมที่ใหญ่สุดในอาเซียน

 

ล่าสุด บริษัทฯเพิ่งเซ็นสัญญาเพื่อใช้เทคโนโลยีจาก Vestas ซึ่งเป็นผู้ผลิตกังหันลมชั้นนำของโลกจากยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

สำหรับขั้นตอนต่อไปจะต้องเจรจากับ กฟผ. และรัฐบาลไทยเพื่อเสนอขายไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าว ปัจจุบันไทยมีบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) ที่จะซื้อไฟฟ้าจากลาวจำนวน 7,000 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะขยายจำนวนรับซื้อไฟฟ้าเป็น 9,000 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯคาดหวังว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ขายไฟฟ้าให้กับรัฐบาลไทยต่อไป เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ โดยยืนยันว่าการขายไฟฟ้าเข้าระบบดังกล่าวจะไม่ได้แย่งส่วนแบ่งจากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศ เนื่องจากเป็นส่วนแบ่งจากการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถขายกลับมาในไทย บริษัทฯก็ยังมีทางเลือกขายไฟฟ้าให้ประเทศอื่นในอาเซียนได้ เช่น เวียดนาม เป็นต้น

 

นอกจากนี้ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่บริษัทฯเป็นผู้พัฒนาโครงการเพียงรายเดียว และในอนาคตรัฐบาลลาวจะเข้ามาถือหุ้น 10% โดยขณะนี้ผู้สนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนทั้งจากยุโรป ญี่ปุ่น จีน รวมถึงพันธมิตรจากไทยด้วย

 

สำหรับ IES ถือเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนหลายโครงการ ซึ่งนอกเหนือจากการพัฒนาโครงการพลังงานลมในลาวแล้ว บริษัทฯยังมีการพัฒนาโครงการไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น โดยมีการผลิตไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าแล้ว 14 เมกะวัตต์ในเมืองฮิโรชิมา และมีอีก 3 โครงการในมือ โดยโครงแรกอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 22 เมกะวัตต์ จะเริ่มผลิตไฟฟ้าใน เดือนพ.ค.2561 ส่วนอีก 2 โครงการกำลังการผลิตรวม 30 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างรอเจรจาเพื่อให้ได้สัญญา PPA นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการทำเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง เพื่อส่งขายไปยังโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นด้วย

 

ส่วนในประเทศไทย IES ยังมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟ) ขนาด 2.5 เมกะวัตต์ ใน จ.สมุทรปราการ และยังมีแผนที่จะเจรจากับกลุ่มโรงงานเพื่อร่วมดำเนินโครงการโซลาร์รูฟใช้ไฟฟ้าภายในโรงงาน โดยวางเป้าหมายกำลังการผลิตในส่วนนี้ราว 15-30 เมกะวัตต์ต่อปี

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics