ENERGY

WWF ชี้ไทยสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้ 100% ภายในปี 2593
POSTED ON 25/05/2559


พลังงานอุตสาหกรรม 25 พ.ค.2559 - รายงานฉบับล่าสุดที่เผยแพร่โดย World Wide Fund for Nature (WWF) และพันธมิตร พบว่า การตอบสนองอุปทานด้านพลังงานของประเทศไทยทั้งหมดนั้นจะสามารถทำได้โดยใช้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน อาทิ พลังงานลม แสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ ความร้อนใต้พิภพ และชีวมวล เมื่อนำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีด้านประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency) และนั่นจะช่วยลดผลกระทบอันร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประชากรนับล้านคนได้

 

วิสัยทัศน์ภาคพลังงานของประเทศไทย พ.ศ.2593 เป็นการศึกษาแผนพลังงานของประเทศไทยไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยได้นำเสนอกรณีวิเคราะห์สถานการณ์ไว้ 2 รูปแบบอย่างมีความทะเยอทะยานสูง หากแต่สามารถจะประสบความสำเร็จได้แน่นอน

 

รายงานฉบับดังกล่าวนำเสนอแผนกลยุทธ์ที่ปฏิบัติได้จริงและไม่แพงจนเกินไป บนพื้นฐานของการผสมผสานเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และความร้อนใต้พิภพที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน ผนวกเข้ากับโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและก๊าซชีวภาพที่มีอยู่เดิม ประกอบกับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพด้านพลังงานที่สูงขึ้น

 

นอกจากนี้ รายงานฉบับนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า แม้ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนจะสูง แต่ในระยะยาวของธุรกิจนั้นการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบ 100% จะให้ผลประโยชน์อย่างมากในราคาที่ไม่แพง

 

นางเยาวลักษณ์ เธียรเชาว์ ผู้อำนวยการ WWF ประเทศไทย กล่าวว่า "ประเทศไทยต้องรีบลงมือในเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นจุดสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หากเราเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่มีไหวพริบ ดังที่นำเสนอไว้ในวิสัยทัศน์ภาคพลังงาน พ.ศ.2593 จะทำให้ประชากรนับล้านคนมีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังมีพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นการต้านทานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย"

 

อุปสงค์ด้านพลังงานของประเทศไทยมีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล แต่แผนพัฒนากำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าฉบับปัจจุบัน ยังคงพึ่งพาการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ล้าหลัง เช่น ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งยังวางแผนที่จะเพิ่มการนำเข้าจากประเทศเมียนมาร์ ลาว และมลฑลยูนนาน ประเทศจีน (ส่วนใหญ่มาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่) นอกจากนี้ ยังได้มีการวางแผนใช้พลังงานนิวเคลียร์ในช่วงท้ายของแผนพัฒนาฯ ดังกล่าวอีกด้วย

 

การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยแล้ว น้ำทะเลที่สูงขึ้นจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ประกอบกับการทรุดตัวของที่ราบน้ำท่วมถึง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร ทำให้กรุงเทพฯ เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมมากขึ้น

 

ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศเวียดนาม ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงต้องสูญเสียพื้นที่ไป เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และจำนวนตะกอนในแม่น้ำที่ลดปริมาณลง ซึ่งสาเหตุมาจากเขื่อนพลังงานน้ำต่างๆ ในแม่น้ำโขง

 

รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า อนาคตอีกรูปแบบหนึ่งนั้นเป็นไปได้จริง อนาคตที่การผสมผสานแหล่งพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ จะสามารถตอบสนองอุปสงค์กระแสไฟฟ้าของประชากรทั้งหมดในประเทศไทยได้เกือบ 100% ภายในปี พ.ศ.2593 หากเรายังคงปฏิบัติตามวิถีทางในกรณีวิเคราะห์สถานการณ์แบบเป็นไปตามปกติ (Business as Usual Scenario) ซึ่งในท้ายที่สุดเราจะผลิตกระแสไฟฟ้าร้อยละ 60 จากเชื้อเพลิงฟอสซิล ร้อยละ 3 จากพลังงานนิวเคลียร์ ร้อยละ 13 จากพลังงานน้ำจากเขื่อน และร้อยละ 24 จากพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 184 ล้านตันต่อปี และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

ในทางตรงกันข้าม กรณีวิเคราะห์สถานการณ์ทางเลือก 2 รูปแบบที่นำเสนอในรายงานฉบับนี้ กลับแต่งเติมภาพใหม่ที่แตกต่างไปมาก ซึ่งได้แก่

 

● ภายใต้สถานการณ์จาก กรณีวิเคราะห์สถานการณ์ด้านพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน (Sustainable Energy Scenario) นั้น ภายในปี พ.ศ.2593 ร้อยละ 85 ของกระแสไฟฟ้าของประเทศไทยจะผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และมีสัดส่วนของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานน้ำจากเขื่อนเก็บน้ำในสัดส่วนร้อยละ 5 โดยจะมีการตรวจสอบผลกระทบที่เกิดจากการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานน้ำนี้อย่างใกล้ชิด และอีกร้อยละ 15 มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล กรณีวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราวร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับกรณีวิเคราะห์สถานการณ์แบบเป็นไปตามปกติ (Business as Usual)

 

● กรณีวิเคราะห์สถานการณด้านพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืนแบบก้าวหน้า (Advanced Sustainable Energy Scenario) ซึ่งมีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น จะส่งผลให้เกิดการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้เต็มรูปแบบ 100% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ได้

 

นอกจากนี้ กรณีวิเคราะห์สถานการณ์ด้านพลังงานที่ยั่งยืนทั้ง 2 รูปแบบข้างต้น คาดว่าจะมีอุปสงค์ด้านพลังงานลดลงร้อยละ 30 อันเป็นผลมาจากโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพด้านพลังงาน เพียงเลือกปฏิบัติตามแนวทางในกรณีวิเคราะห์ด้านพลังงานที่ยั่งยืนรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งร่วมกับการเข้าถึงศักยภาพด้านพลังงานของภูมิภาคแห่งนี้ ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ

 

1.ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล หรือลดการนำเข้าแร่ยูเรเนียมในอนาคตได้อย่างมาก 2.ให้ทุกคนมีกระแสไฟฟ้าใช้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 3.ประกันราคาค่าไฟที่คงที่ สำหรับทศวรรษต่อๆ ไปที่จะมาถึง 4.เพิ่มการสร้างงาน 5.เพิ่มความร่วมมืออันดีระหว่างประเทศในภูมิภาค เพื่อให้เกิดการอุปโภคและการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างเหมาะสม 6.ลดผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการผลิตกระแสไฟฟ้าในรูปแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะจากพลังงานน้ำที่ไม่ยั่งยืน

 

ประเทศไทยมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำด้านกระแสไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เพื่อแสดงให้ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคและในโลกได้เห็นว่าการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและประสิทธิภาพด้านพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมที่สะอาดกว่าเดิมนั้นเป็นไปได้แน่นอน 100%

 

ด้าน ดร.เดชรัต สุขกำเนิด จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า "ทางเลือกนี้อาจทำให้หวาดหวั่น แต่ดังที่รายงานฉบับนี้ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นแนวทางที่สามารถบรรลุได้อย่างไม่แพงจนเกินไป และเป็นทางเลือกเดียวที่เรามีอยู่ หากเราต้องการที่จะรักษาโลกใบนี้ไว้ให้บุตรหลานของเราได้อยู่อาศัยกันต่อไป"

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics