ENERGY

โรงไฟฟ้าชีวมวลของ MWE ที่นครสวรรค์ เริ่มจ่ายไฟได้แล้ว
POSTED ON 15/10/2558


 

พลังงานอุตสาหกรรม - นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าชีวมวล แม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) กำลังการผลิตเสนอขายไฟฟ้าตามสัญญา 8 เมกะวัตต์ ที่ จ.นครสวรรค์ จำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว ส่งผลให้บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้ทันที ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีนี้ออกมาในทิศทางที่ดี เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว จะขายไฟฟ้าในรูปแบบใหม่คือระบบ Feed in Tariff (FiT) แทนที่ระบบ Adder

 

สำหรับบริษัท แม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ จำกัด (MWE) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวล ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าเสนอขาย 8 เมกะวัตต์ ที่ ต.วังซ่าน อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ โดยบริษัทฯได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แบบ Feed-in-Tariff (FiT) ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.2558 ที่ผ่านมา โดยมีอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี

 

ทั้งนี้ บริษัทฯมีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้รวม 20 เมกะวัตต์ แล้ว 2 โครงการ คือโรงไฟฟ้าช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 โครงการ รวมกำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ประกอบด้วย (1) โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP), (2) โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG), (3) โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และ (4) โรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP)

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาตมีกำลังการผลิต 46 เมกะวัตต์ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน (PTG) รวมในปีนี้บริษัทฯมีแผนในการก่อสร้างและผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้งหมด 106 เมกะวัตต์ และได้รับใบอนุญาตแล้วในขณะนี้จำนวน 83 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น ระบบ Feed in Tariff (FiT) 50 เมกะวัตต์ คือ MWE, MGP, TSG, PGP และ SGP และระบบ Adder 33 เมกะวัตต์ คือ CRB และ PTG (เฟส 1) ซึ่งค่าไฟในระบบ Feed in Tariff (FiT) จะมีอัตรากำไรสุทธิ 45-50% เมื่อเปรียบเทียบกับระบบ Adder ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 25-30%

 

สำหรับโรงไฟฟ้าแม่วงศ์ถือเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลโครงการแรกของ TPCH ที่ได้ขายไฟฟ้าในระบบ Feed in Tariff (FiT) ซึ่งจะทำให้เป้าหมายการผลิตของบริษัทฯเติบโตขึ้น 3 เท่าภายใน3 ปีจากนี้ บริษัทฯจึงมีความเชื่อมั่นว่าแผนธุรกิจดังกล่าวจะสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี เนื่องจากบริษัทฯมีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องครบถ้วน

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ได้ 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 ตามแผนที่วางไว้ โดยจะเน้นในพื้นที่ภาคใต้เป็นหลัก เนื่องจากมีประสบการณ์และความชำนาญในการทำงานในพื้นที่ดังกล่าวมาอย่างยาวนาน ประกอบกับมีการวางกลยุทธ์บริหารจัดการเรื่องวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าชีวมวลที่เพียงพอสำหรับการดำเนินงานในระยะยาวอีกด้วย

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics