ENERGY

ราคาแกลบเพิ่มกว่าเท่าตัว ทำโรงไฟฟ้าชีวมวลต้นทุนพุ่ง
POSTED ON 27/10/2558


พลังงานอุตสาหกรรม - นายนที สิทธิประศาสน์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ภาคกลางที่ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงต้องประสบปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะราคาแกลบได้ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1,400-1,500 บาทต่อตัน ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันไปใช้เชื้อเพลิงอื่นแทน

 

ขณะนี้เริ่มมีการขนทะลายปาล์มกว่า 10,000 ตัน จากภาคใต้มาใช้กับโรงไฟฟ้าแกลบในภาคกลาง เพื่อให้สามารถเดินเครื่องไฟฟ้าตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กำหนดไว้ตามสัญญาซื้อขายไฟ ส่งผลให้ทะลายปาล์มจากเดิมราคาอยู่ที่ 150 บาทต่อตัน ก็ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 250 บาทต่อตันแล้ว และคาดว่าราคาทะลายปาล์มอาจจะปรับเพิ่มขึ้นได้อีกจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น

 

สำหรับอัตราค่าไฟฟ้าของกลุ่มชีวมวลนั้น ในยุคแรกจะถูกอ้างอิงกับราคาน้ำมันเตา พอมายุคที่ 2 อิงกับราคาก๊าซธรรมชาติ ยุคที่ 3 อิงราคาถ่านหิน ยุคที่ 4 รูปแบบ Adder และยุคที่ 5 รูปแบบ FiT ซึ่งจะเห็นได้ว่าในยุคที่ 1-4 ราคาที่อ้างอิงไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของพลังงานชีวมวล จากที่เคยประเมินว่าราคาแกลบที่คุ้มค่าลงทุนควรอยู่ระดับที่ไม่เกิน 300-500 บาทต่อตัน แต่หลังจากที่มีโรงไฟฟ้าชีวมวลมากขึ้น ราคาแกลบได้เพิ่มขึ้นไปถึง 800 บาทต่อตัน และราคาล่าสุดก็เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,400-1,500 บาทต่อตัน

 

นายนที ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาจากการที่กระทรวงพลังงานไม่ได้จัดโซนนิ่งพื้นที่โรงไฟฟ้าว่าแต่ละพื้นที่ควรมีกี่โรง แต่กลับรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมเมื่อโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้มีการแย่งวัตถุดิบในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องสูตรราคารับซื้อไฟฟ้าในกลุ่มชีวมวลที่ไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เนื่องจากในช่วงแรกที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายสนับสนุนผู้ผลิตโดยการให้ส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) เพียง 7 ปี หลังจากนั้นจะได้อัตราค่าไฟฟ้าปกติ คือ อัตราค่าไฟฟ้าฐาน รวมกับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) เท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่กลับได้อัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลง

 

"ก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังสือไปยังกระทรวงพลังงานเพื่อให้มีการแก้ไขในประเด็นดังกล่าว เพราะโรงไฟฟ้าที่ได้ Adder นั้นมีอายุโรงไฟฟ้า 20-25 ปี และขณะนี้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้ามาเพียง 6-7 ปีเท่านั้น ซึ่งหากภาครัฐมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้ประเทศพึ่งพาการใช้พลังงานทดแทนภายในมากขึ้น ก็ควรลงมาแก้ไขปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาไปที่กระทรวงพลังงานแล้ว คือ ต้องการให้ภาครัฐพิจารณาให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเดิมที่ได้อัตราค่าไฟฟ้าแบบ Adder สามารถเปลี่ยนมาใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบ Feed in Tariff (FiT) เนื่องจากเป็นสูตรราคาที่สะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงมากที่สุด แต่กระทรวงพลังงานแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากต้องยึดตามสัญญาซื้อขายไฟเป็นหลัก ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในกลุ่มพลังงานทดแทนถือเป็นระเบียบสัญญาที่เกิดจากฝ่ายเดียวคือจากฝ่ายนโยบาย โดยที่ไม่ได้พิจารณาต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผู้ประกอบการบางโรงต้องเดินเครื่องแบบขาดทุนด้วยซ้ำ" นายนที กล่าว

 

ทั้งนี้ เมื่อนำอัตราค่าไฟฟ้าแบบ Adder และ FiT มาเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ว่า อัตราค่าไฟฟ้าแบบ FiT สะท้อนต้นทุนราคาค่าไฟฟ้าตามจริงมากกว่า และได้อัตราค่าไฟฟ้าที่มากกว่า ดังนั้น จึงควรปรับราคาค่าไฟฟ้าที่ใช้ น่าจะเกิดประโยชน์ต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานทดแทน และเพื่อให้นโยบายส่งเสริมพลังงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics