ENERGY

กนป.เร่งออกมาตรการดูแลอุตฯปาล์มทั้งระบบ แก้ปัญหาราคาตกต่ำ
POSTED ON 27/05/2558


พลังงานอุตสาหกรรม - "นายคนิต  ลิขิตวิทยาวุฒิ" รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยว่า จากการประชุม กนป. ครั้งที่ 3/2558 เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2558 ที่ผ่านมา ซึ่งมี "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการการรักษาเสถียรภาพราคาเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนทั้งระบบ

 

โดยที่ประชุมฯได้เห็นชอบแนวการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันทั้งระบบในแต่ละมาตรการ ซึ่ง "มาตรการเร่งด่วน" นั้นได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในกำหนดราคาแนะนำในการรับซื้อผลปาล์มทะลาย ผลปาล์มร่วง และน้ำมันปาล์มดิบ โดยออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (สกกร.) ให้รับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงในราคาเดียวกัน อัตราน้ำมัน 17% ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.20 บาท ณ หน้าโรงสกัดน้ำมันปาล์มและจุดรับซื้อในพื้นที่ (ลานเท) โดยให้ลานเทสามารถหักค่าใช้จ่ายและค่าขนส่งตามที่กำหนดในแต่ละพื้นที่ และให้คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กจร.) เป็นผู้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าขนส่งที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายทั้งระบบ ได้แก่ โรงสกัดฯ ลานเท และเกษตรกร

 

สำหรับเกษตรกรขายผลปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงกว่า 17% ทุก 1% ที่เพิ่มขึ้น จะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีก 0.30 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ผลปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำกว่า 17% ทุก 1% จะลดราคา กิโลกรัมละ 0.25 บาท ทั้งนี้ ได้ผ่อนผันให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตที่มีน้ำมันไม่ต่ำกว่า 15% ในช่วง 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค.2558) เพื่อให้เกษตรกรสามารถปรับตัวได้

 

นอกจากนี้ กำหนดให้โรงกลั่นฯ โรงผลิตไบโอดีเซล และผู้รับซื้อน้ำมันดิบทั่วไปรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 26.20 บาท ณ หน้าคลังผู้รับซื้อในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันพืชปาล์มบรรจุขวดไม่สูงกว่าราคาเพดานคือไม่เกินลิตรละ 42 บาท โดยกรมการค้าภายในกำกับดูแลให้ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันพืชปาล์มบรรจุขวดในสอดคล้องกับต้นทุน พร้อมติดตามประเมินผลในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อนำเสนอต่อ กนป. พิจารณาให้ความเห็นชอบออกเป็นประกาศ กกร. เมื่อสิ้นสุด 3 เดือนที่กำหนด (พ.ค.-ก.ค.2558) โดยให้เกษตรกรต้องขายผลผลิตปาล์มที่มีเปอร์เซนต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 17% โดยอาจจำเป็นต้องมีผลบังคับตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสภาเกษตรกร ในการร่วมตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มเป็นรายโรงงาน ทุกเดือน

 

ขณะที่ "มาตรการระยะ 3 เดือน" ได้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลให้การรับซื้อของลานเทเป็นไปตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (ส.กกร.) และบริหารจัดการให้ลานเทเป็นเครือข่ายของโรงงานสกัดฯ หรือให้โรงงานสกัดฯ กำหนดพื้นที่รับผิดชอบในการรับซื้อผลผลิต และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกปาล์มของเกษตรกร เพื่อให้ได้ข้อมูลการผลิตที่ถูกต้อง

 

ส่วน "มาตรการระยะยาว" ได้กำหนดแนวทางไว้ 2 เรื่อง คือ (1) ให้กระทรวงอุตสาหกรรมส่งเสริมให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เกรด B พัฒนาศักยภาพการสกัดเพื่อให้สามารถสกัดปาล์มทะลายได้และแยกสกัดน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เร่งรัดดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม

 

ที่มา : สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร