ENERGY

กฟผ.ตั้งงบ 6 แสนล้านบาท สร้างโรงไฟฟ้า-เชื่อมระบบส่งในอาเซียน
POSTED ON 29/04/2558


พลังงานอุตสาหกรรม - นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า แผนลงทุน 5 ปี (2558-2562) คาดว่า จะอยู่ที่ประมาณ 6 แสนล้านบาท เพื่อใช้สำหรับก่อสร้างโรงไฟฟ้าและระบบส่ง ซึ่ง กฟผ.ได้มีการปรับปรุงและขยายระบบส่งเพื่อรองรับโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ รวมถึงการเชื่อมโยงระบบส่งในอาเซียนเข้าด้วยกัน โดยในส่วนนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท

 

สำหรับการดำเนินงานในอนาคต กฟผ. เดินหน้าสู่เป้าหมายองค์กรระดับโลก (Global Top Quartile Utility) โดยมียุทธศาสตร์ 4 ด้าน คือ

 

1. การปรับปรุงความสามารถด้านการผลิตและส่งไฟฟ้า กฟผ. ได้เพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าให้เทียบเท่าโรงไฟฟ้าระดับโลก โดยใช้กระบวนการ Best Practice เพื่อให้การดำเนินงานแต่ละขั้นตอนมีความสูญเสียน้อยที่สุด และมีความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าสูงสุดสามารถเทียบเคียงกับโรงไฟฟ้าในยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้ ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการในโรงไฟฟ้า 4 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง โรงไฟฟ้าพลังความร้อนแม่เมาะ และเขื่อนวชิราลงกรณ ในส่วนของการขยายและปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าได้นำกระบวนการ Lean Construction ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อให้ กฟผ.สามารถก่อสร้างโครงการให้เร็วขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เพื่อรองรับการขยายตัวของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ

 

2. การขยายงานด้านธุรกิจต่อเนื่องร่วมกับบริษัทในเครือ กฟผ. ได้มองถึงธุรกิจใหม่เพื่อสร้างรายได้ให้รัฐ เช่น ธุรกิจด้านไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน ธุรกิจต้นน้ำด้านการจัดหาเชื้อเพลิง เช่น การนำเข้า LNG จากต่างประเทศ เป็นต้น

 

3. การนำความรู้ความเชี่ยวชาญในกิจการไฟฟ้าเพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคม โดยกำลังก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ขึ้นในภูมิภาคต่างๆ มีศูนย์หลักอยู่ที่สำนักงานใหญ่ กฟผ. ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560 ศูนย์ที่จัดตั้งขึ้นจะเสนอความรู้ด้านการผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งนำเสนอนวัตกรรมที่โดดเด่นที่ กฟผ. คิดค้นขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม และความรู้ด้านกิจการไฟฟ้าของอาเซียน โดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปรวมทั้งนักเรียนนักศึกษาได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้จากศูนย์การเรียนรู้นี้

 

4. การพัฒนาศักยภาพบุคคลากร รุ่นใหม่ กฟผ. เพื่อสร้างผู้นำในอนาคต

 

ส่วนแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2015) มีการปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงถ่านหินเพิ่มขึ้น ซึ่ง กฟผ. มีการเตรียมพร้อม ด้วยการเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อยู่ในแผนเบื้องต้น อาทิ

 

● โรงไฟฟ้าทดแทนแม่เมาะเครื่องที่ 4-7 กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในปี 2561

● โรงไฟฟ้ากระบี่ กำลังการผลิต 800 เมกะวัตต์ สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2562

● โรงไฟฟ้าเทพา 1 กำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเดือนเมษายน  2564

● โรงไฟฟ้าเทพา2 กำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้เดือนมกราคม 2567

 

ในปีที่ผ่านมา กฟผ. ได้ดำเนินการตามเป้าหมายในเรื่องการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ มีความคืบหน้าตามลำดับ คือ สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ 4-7 กำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ โดยทำพิธีลงเสาเอกต้นแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในปี 2561, โรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าบางปะกง 1-2 กำลังผลิต 1,300 เมกะวัตต์, (3) โครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้ากระบี่ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์, โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ได้จัดรับฟังความคิดเห็นรายงานการประเมินผลกระทบผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณา

 

สำหรับโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ 1-5 กำลังผลิต 1,300 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าเทพา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการเตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 (ค.3) เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและความคิดเห็นต่อร่างรายงานฉบับสมบูรณ์การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพรวมทั้งมาตรการป้องกันแก้ไขประมาณเดือนกรกฎาคม 2558

 

นอกจากนี้ กฟผ. ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาระบบส่งเพื่อรองรับการเติบโตของโรงไฟฟ้าใหม่และพลังงานทดแทน และระบบส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid - APG) ซึ่งเป็นโครงการสำคัญรองรับการพัฒนาพลังงานร่วมกันของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2558