พลังงานอุตสาหกรรม - หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ รายงานข่าวว่า ทางกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์ ได้เห็นชอบหลักการเปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้ท่อก๊าซธรรมชาติตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2558 ที่ผ่านมา ซึ่งจากนั้นในวันที่ 1 เม.ย.2558 ทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (พีทีที แอลเอ็นจี) ก็ได้ออกข้อกำหนดการใช้ท่อก๊าซสำหรับบุคคลที่ 3 และการใช้คลังก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มาบตาพุด หรือ "ทีพีเอโค้ด" (TPA Code) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ที่สนใจใช้ท่อก๊าซและคลังดังกล่าวสามารถดูรายละเอียดได้ทาง www.erc.or.th

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า สำหรับทีพีเอโค้ดนั้นเป็นข้อกำหนดและเงื่อนไขในการปฏิบัติที่ผู้เป็นเจ้าของระบบท่อส่งก๊าซหรือคลังแอลเอ็นจีต้องจัดทำขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่ 3 ที่ได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซจากเรกูเลเตอร์ หรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น สามารถเข้ามาใช้หรือเชื่อมต่อระบบท่อส่งก๊าซหรือคลังแอลเอ็นจีได้ เพื่อมุ่งเน้นการส่งเสริมให้มีการแข่งขันในกิจการก๊าซและมีการบริการของระบบโครงข่ายพลังงานอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติภายใต้การกำกับดูแลของเรกูเลเตอร์

ทั้งนี้ สาระสำคัญในทีพีเอโค้ด ประกอบด้วย สิทธิภาระผูกพันและหน้าที่ ขอบเขตการเปิดใช้หรือเชื่อมต่อ ข้อกำหนดการเชื่อมต่อ ข้อกำหนดคุณสมบัติก๊าซ และอัตราค่าบริการ เป็นต้น ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้ระบบท่อส่งก๊าซและคลังแอลเอ็นจีมีการใช้งานอย่างเต็มสมรรถนะ ลดการผูกขาด และทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจการค้าก๊าซมากขึ้น

ทั้งนี้ นายวีระพลยังกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการรับซื้อไฟฟ้าจากการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรด้วยว่า "ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข คุณสมบัติ และการคัดเลือกผู้เข้าโครงการที่ชัดเจน มีความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ดังนั้น หากพบบุคคลหรือกลุ่มคนใดมาแอบอ้างเพื่อมาเสนอเรื่องขอวิ่งเต้นใบอนุญาตต่างๆ ในโครงการ ขอได้อย่าหลงเชื่อโดยเด็ดขาด หากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ต่างๆ นับจากนี้ทางเรกูเลเตอร์จะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป"