พลังงานอุตสาหกรรม - นายดุสิต เครืองาม นายกสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ได้เตรียมเสนอที่ประชุม สปช.เพื่อพิจารณาโครงการส่งเสริมโซลาร์รูฟท็อปอย่างเสรี โดยไม่จำกัดระยะเวลาและปริมาณการเสนอขายไฟฟ้าส่งไปถึง ครม. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้าใช้เอง เนื่องจากปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นโซลาร์ฟาร์ม โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีโซลาร์ฟาร์ม 3.6 พันเมกะวัตต์ แต่โซลาร์รูฟเพียง 200 เมกะวัตต์

"ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกใช้ภายในบ้านที่อยู่อาศัยก่อน หากเหลือก็ให้เสนอขายเข้าระบบให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (พีอีเอ) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้ ในอัตราเดียวกับที่ครัวเรือนซื้อจากทั้ง 2 การไฟฟ้าฯ คาดว่าจะดำเนินการให้ได้ก่อนเดือน เม.ย.2558 ทั้งนี้ ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาบ้านและอาคารแบบเสรี ซึ่งไม่มีการจำกัดปริมาณ และระยะเวลา เชื่อว่าจะสามารถลดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ โดยในอีก 15-20 ปีจะมีกำลังติดตั้งจากโซลาร์รูฟ 10,000 เมกะวัตต์ และลดการสร้างโรงไฟฟ้าจากถ่านหิน" นายดุสิต กล่าว

ด้าน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานยังคงให้การส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่ขายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ และคาดว่าในปี 2558 จะสามารถติดตั้งได้ 2,000 เมกะวัตต์ และคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า โซลาร์เซลล์จะเพิ่มเป็น 4,500-5,000 เมกะวัตต์ เนื่องจากต้นทุนติดตั้งที่ลดลง ทำให้รัฐไม่ต้องเข้าไปอุดหนุนมากนัก ซึ่งในปี 2558 กระทรวงพลังงานจะเร่งเคลียร์โครงการเดิมที่ยังค้างท่ออยู่ 1,013 เมกะวัตต์ ให้ดำเนินการได้ทั้งหมด และในปี 2559 จะเริ่มรับซื้อไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในล็อตใหม่ได้

อย่างไรก็ตาม การรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อป กระทรวงพลังงานจะพยายามดูแลไม่ให้มีผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้า ในส่วนของค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) มากนัก เพราะเปลี่ยนมาเป็นระบบรับซื้อไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง (FiT) ที่ 5.66 บาทต่อหน่วย และคาดว่าการเปิดรับซื้อล็อตใหม่ก็อาจจะมีการพิจารณาอัตรา FiT ใหม่