พลังงานอุตสาหกรรม - ธนาคารกสิกรไทย รวมถึงผู้ร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ห้วยบง จ.นครราชสีมา ประสานโครงการไม่ได้รับผลกระทบ การจ่ายชำระเงินกู้ยังเป็นไปตามสัญญา แม้ "นายนพพร ศุภพิพัฒน์" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) จะถูกดำเนินคดีเครือข่ายขบวนการทวงหนี้

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ธนาคารกสิกรไทยได้ปล่อยสินเชื่อให้บริษัท Wind Energy Holding (WEH) เพื่อใช้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนั้น ธนาคารฯ ขอชี้แจงว่า ธนาคารฯ ไม่ได้มีการให้สินเชื่อกับบริษัทหรือบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ดังกล่าวตามที่เป็นข่าว

"อย่างไรก็ดี ธนาคารฯ ได้ร่วมสนับสนุนสินเชื่อในบริษัท 2 บริษัทที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง WEH กับบริษัทในธุรกิจผลิตไฟฟ้าชั้นนำที่เป็นมืออาชีพและมีความชำนาญในด้านนี้ เพื่อผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เรียบร้อยแล้ว โดยในการให้สินเชื่อดังกล่าว ธนาคารฯ มีการพิจารณาความเหมาะสมของเงินให้สินเชื่อตามมูลค่าการลงทุน ซึ่งปริมาณสินเชื่อก็ไม่มากตามที่เป็นข่าว และผู้ร่วมลงทุนของบริษัทที่ธนาคารฯ ให้สินเชื่อส่งผู้บริหารที่มีความชำนาญร่วมเป็นกรรมการ ตลอดจนมีกลไกในการดูแลความโปร่งใส และการกำกับดูแลกิจการที่ดีอยู่แล้ว" นายปรีดี กล่าว

โครงการของทั้ง 2 บริษัทที่ธนาคารสนับสนุนสินเชื่อได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าส่งให้ กฟผ. ตั้งแต่ปี 2555 และ 2556 ตามลำดับ สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและที่ผ่านมาก็สามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้ตรงตามเงื่อนไขตั้งแต่ดำเนินการ โดยไม่ต้องพึ่งพิงทางการเงินจากผู้ถือหุ้น ทั้ง 2 บริษัทมีความสามารถในการสร้างรายได้และชำระหนี้ยังอยู่ในกรอบที่กำหนดตามสัญญาสินเชื่อ ทั้งนี้ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมไม่มีความซับซ้อนเชิงเทคนิคในการดำเนินการ ดังนั้น ปัญหาของผู้ถือหุ้นจึงไม่น่าจะกระทบต่อกิจการของบริษัทที่ธนาคารสนับสนุนสินเชื่อแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี โดยโครงการลงทุนพลังงานลมอยู่ในจังหวัดนครราชสีมากำลังผลิตรวม 207 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการเวสต์ ห้วยบง 2 ดำเนินการโดย บริษัท เค.อาร์.ทู จำกัด ส่วนโครงการ เวสต์ ห้วยบง 3 ดำเนินการโดย บริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 20 บริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ จำกัด ในเครือบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด และ บริษัท จูบุ อิเล็คทริค เพาเวอร์ โคราช บีวี ร่วมลงทุนในอัตราส่วนร้อยละ 60 และ 20 ตามลำดับ มูลค่าการลงทุนสองโครงการรวมกันทั้งสิ้น 13,053 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ ทางกระทรวงพลังงาน และทาง บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี ระบุว่า การดำเนินคดีนายนพพรไม่กระทบโครงการส่งเสริมพลังงานของประเทศ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล และการบริหารงานของบริษัทร่วมทุนถูกแยกออกมาเป็นนิติบุคคลเฉพาะ (SPV) ผู้ถือหุ้นได้รับเพียงเงินปันผลจากการดำเนินงานของโครงการ

ที่มา : สำนักข่าวไทย