ENERGY

กฟผ.จัดรับฟัง EHIA ท่าเทียบเรือ-โรงไฟฟ้าฯกระบี่ ครั้งที่ 3
POSTED ON 03/10/2557


พลังงาน - นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า วันที่ 12 ตุลาคม 2557 นี้ กฟผ.จะจัดรับฟังความเห็นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) สำหรับโครงการสร้างท่าเทียบเรือถ่านหินบ้านคลองรั้ว และโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด ขนาด 870 เมกะวัตต์ จังหวัดกระบี่ ครั้งที่ 3 ซึ่งหลังจากรับฟังเสร็จจะนำมารวบรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่ออนุมัติ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้คงจะเสร็จสิ้นภายในกลางปี 2558 และคาดว่าการก่อสร้างจะเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ พีดีพี 2010 ปรับปรุงครั้งที่ 3 ที่กำหนดจ่ายไฟเข้าระบบได้ในปี 2562

 

"เราเป็นโครงการของรัฐ เมื่อเสนอเข้าไปพิจารณาในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมก็จะใช้เวลา 90 วัน หลังจากมีการให้แก้ไขข้อเสนอเมื่อยื่นไปอีก หากเป็นเอกชนจะไม่เกิน 30 วัน แต่ของรัฐเองไม่มีกรอบเวลา ก็ตอบยาก แต่เราก็คาดว่าคงจะไม่เกินกลางปีหน้าระหว่างนี้ กฟผ. ก็จะเตรียมร่างสัญญาจัดซื้อจัดจ้างหรือ TOR เพื่อเปิดให้เสนอการก่อสร้าง" นายสหรัฐ กล่าว

              

ส่วนกรณีที่ตัวแทนชุมชน จ.กระบี่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่ และสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้คุ้มครองและระงับโครงการดังกล่าวนั้น ทาง กฟผ.ก็ต้องดูว่าศาลฯ จะมีคำสั่งออกมาอย่างไร ซึ่งก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม โดย กฟผ.เองก็ยืนยันว่า เทคโนโลยีของญี่ปุ่นที่ใช้ในปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดที่ดีที่สุดในโลก

              

ขณะเดียวกันความกังวลของชาวบ้านเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่จะมีการขนถ่ายถ่านหินก็ยืนยันว่า เป็นการขนถ่านหินในระบบปิด มีการปรับเรือขนถ่ายถ่านหินท้องแบน ขนาดเพียง 1 หมื่นตัน วิ่งในน้ำลึกเพียง 3-4 เมตร จากเดิมจะใช้เรือที่สามารถเดินในน้ำลึกได้ถึง 10 เมตร

              

นอกจากนี้ กฟผ.ยังเตรียมที่จะจัดเวทีกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพโดยสาธารณะ (ค.1) (Public Scoping) ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา 2 ยูนิตๆ ละ 1,000 เมกะวัตต์ (โรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด) และโครงการท่าเทียบเรือสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา

 

"การใช้ไฟฟ้าภาคใต้มีการเติบโตทุกปีเฉลี่ย 6% แต่การผลิตน้อยกว่าความต้องการ ที่ผ่านมาเราจึงต้องส่งไฟจากภาคกลางผ่านระบบส่งไปป้อนให้ ดังนั้น เพื่อความมั่นคงและป้องกันไฟตกดับ เราจึงต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม และการเลือกถ่านหินสะอาดก็เพราะมีค่าไฟฟ้าที่ต่ำหากเทียบกับเชื้อเพลิงอื่นๆ และมีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงที่ถ่านหินมีสำรองมาก" นายสหรัฐ กล่าว

 

ที่มา : แนวหน้า