พลังงานอุตสาหกรรม - นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ เปิดเผยว่า ในขณะนี้ ปตท.กำลังพิจารณารายละเอียดและหลักเกณฑ์การแยกท่อก๊าซธรรมชาติออกเป็นบริษัทภายใต้ ปตท. ซึ่งยืนยันว่าสามารถดำเนินการตามแผนได้ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ภายในกลางปี 2558

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต้องเสนอขอมติคณะรัฐมนตรีว่า ในอนาคตการลงทุนท่อก๊าซเส้นใหม่ เช่น ท่อเส้นที่ 5 ใครจะเป็นผู้ลงทุน และต้องดูถึงหลักเกณฑ์ การให้บุคคลที่ 3 มาใช้ท่อ ในส่วนของการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จะทำอย่างไรให้เกิดความมั่นคงทั้งระบบ

"ที่ผ่านมา ปตท.เป็นผู้ลงทุน และบริหารงานทั้งระบบ ก็สามารถบริหารความต่อเนื่องและต้นทุน ก๊าซที่มาทั้งจากเมียนมาร์ แอลเอ็นจี อ่าวไทย ก็นำมาขายเป็นราคาเฉลี่ย แต่กรณีรายอื่นนำเข้าแอลเอ็นจีราคาสูงจะทำราคาขายให้ต่ำอย่างไร เรื่องนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์ ต้องดูรายละเอียด" นายณัฐชาติ กล่าว

นายณัฐชาติ กล่าวด้วยว่า ปตท.กำลังศึกษาจะก่อสร้างท่อก๊าซเส้นที่ 5 จากระยอง ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ และ กทม. เพื่อเสริมความมั่นคงท่อก๊าซเส้นที่ 1 ที่ส่งต่อไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพของเมือง ชุมชน ขยับไปใกล้ท่อก๊าซเส้นที่ 1 มากขึ้น กระทบต่อค่าความปลอดภัยของท่อเส้นที่ 1 ซึ่งจำเป็นต้องลดความดันของการส่งก๊าซ ทำให้ส่งก๊าซน้อยลง โดยท่อเส้นที่ 5 ก็ต้องก่อสร้างด้วยความหนามากขึ้นกว่าเดิม

ด้าน นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปตท.ได้ปรับบัญชีในการแยกทรัพย์สินในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน จะเสร็จสิ้นในปลายปี 2557 นี้ ทั้งกลุ่มโรงไฟฟ้า เอ็นจีวี ธุรกิจท่อก๊าซ ส่วนการแยกท่อออกมาก็ต้องมีความชัดเจนว่าจะใช้รูปแบบใดในการประเมินมูลค่าโครงการท่อก๊าซ 1-4 โดยหากประเมินด้วยมูลค่าทางบัญชีจะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท แต่หากใช้มูลค่าตามตลาดอาจสูงถึง 4-5 แสนล้านบาท