ENERGY

ปลัดพลังงาน ชี้ ภาษีน้ำมันทุกชนิดควรเท่ากันที่ 3 บาทต่อลิตร
POSTED ON 03/09/2557


พลังงานอุตสาหกรรม - นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟัง ความคิดเห็น "ทิศทางพลังงานไทย" ว่า หลังจากมีการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันแล้ว ทำให้ระบบมีความเป็นธรรม โดยปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้ใกล้เคียงกัน ด้วยการลดภาษีกลุ่มเบนซิน และปรับขึ้นภาษีดีเซล ซึ่งในอนาคตภาษีน้ำมันทุกตัวควรมีอัตราเดียวกันที่ประมาณ 3 บาทต่อลิตร แต่จะเป็นช่วงเวลาใดนั้น ขึ้นอยู่กับความนิยมในพลังงานทดแทน อาทิ เอทานอล จนกระทั่งไม่ต้องใช้กลไกภาษีเข้ามาอุดหนุน

 

ปัจจุบันภาคประชาชนมีความตื่นตัวในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านพลังงานเป็นอย่างมาก มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อเรื่องการปฏิรูปพลังงานซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นการปฏิรูปในระดับชาติ กระทรวงพลังงานเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนต่อเรื่องพลังงาน จึงได้สานต่อเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องทั่วทุกภูมิภาคของประเทศเกี่ยวกับทิศทางพลังงานของไทย เพื่อให้ภาครัฐได้นำไปกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของชาติในระยะยาวต่อไป

 

โดยการเปิดรับฟังความคิดเห็น "ทิศทางพลังงานไทย" จะจัดให้มีขึ้นตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ หลังจาก การสัมมนาครั้งนี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ กระทรวงพลังงานมีกำหนดการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะจัดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น ภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นจะรวบรวมข้อมูลที่ได้รับฟังความคิดเห็นในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2557 จากนั้นจะนำข้อเสนอจากการรับฟังตามภูมิภาคมาสรุปประมวลผลที่กรุงเทพฯ

 

ในการสัมมนาจะระดมความเห็นเกี่ยวกับแผนหลักๆ ด้านพลังงาน ทั้งจากแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) แผนอนุรักษ์พลังงาน แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ตลอดจน แผนด้านการจัดหาพลังงาน เพื่อปรับปรุงแผนด้านพลังงานด้านต่างๆ ที่มีอยู่พัฒนาไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้ากับกำลังผลิตไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาคยังคงมีบางส่วนที่ต้องได้รับการพัฒนาให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการ เช่น ในภาคใต้ปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้า 2,416 เมกะวัตต์ ขณะที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ 2,683 เมกะวัตต์ และเป็นพื้นที่ที่มีความสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงต้องดูความเหมาะสมของประเภทของโรงไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดจะนำไปสู่การวางแผนยุทธศาสตร์พลังงานชาติในภาพรวมที่สอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป