พลังงานอุตสาหกรรม - นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.เตรียมจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) ซึ่งจะเป็นกองทุนรวมของรัฐวิสาหกิจกองแรกของประเทศไทย ในรูปแบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งใช้รายได้หรือกระแสเงินสดในอนาคตของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือเป็นทรัพย์สินในการระดมทุน วงเงินประมาณ 1.9-2 หมื่นล้านบาท โดยอายุกองทุนอยู่ที่ 15-20 ปี เพื่อนำเงินจากการระดมทุนนี้ไปลงทุนในการพัฒนาโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และโครงการขยายระบบส่งของ กฟผ. สำหรับใช้ลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าและระบบสายส่งของ กฟผ.

ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการ กฟผ.เห็นชอบแล้วจะเสนอต่อกระทรวงการคลัง และ ครม. ต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการจัดตั้งและจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนภายใน 180 วัน หลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบและจะสามารถนำมาให้ประชาชนประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2558 ซึ่ง กฟผ.เตรียมแผนงานรองรับไว้แล้ว

นอกจากนี้ นายสุนชัย ยังชี้แจงข่าวที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า “กฟผ. สูญปีละ 2 หมื่นล้าน เหตุบริหารสายส่งผิดพลาด เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าไม่คุ้มทุน” ด้วยว่าข้อมูลดังกล่าวยังมีความคลาดเคลื่อน กฟผ. มิได้บริหารจัดการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า และสายส่งผิดพลาด โดยข้อเท็จจริงคือ การบริหารจัดการการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า กฟผ. เดินเครื่องผลิตไฟฟ้า ตามหลักสากลที่ระบบไฟฟ้าใช้กันทั่วโลก โดยคำนึงถึงปัจจัยเรื่องความมั่นคงของระบบไฟฟ้า เงื่อนไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เช่น การรับซื้อไฟฟ้าจาก Co-Generation พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น และปริมาณเชื้อเพลิงแต่ละประเภทที่มีอยู่ในแต่ละห้วงเวลา ซึ่งเมื่อมีการดำเนินการตามหลักการ จะทำให้ได้แผนการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งระบบถูกที่สุด ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

ขณะที่พื้นที่ภาคใต้ไม่ได้มีปัญหาด้านระบบส่งไฟฟ้าตามที่กล่าวอ้าง แต่เนื่องจากกำลังผลิตไฟฟ้าในภาคใต้มีไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้า ขณะที่การพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่มีกระบวนการที่ใช้เวลามากขึ้น เนื่องจากต้องให้ความสำคัญต่อการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ รวมทั้งกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ฯลฯ อย่างไรก็ดีโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะสามารถเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้าได้อย่างมาก