ENERGY

กกพ.เร่งจัดทำ TPA Regime เปิดเสรีท่อก๊าซ ลดผูกขาด
POSTED ON 20/08/2557


พลังงานอุตสาหกรรม - คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อยู่ในระหว่างจัดทำ "ข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Regime : TPA Regime)"

 

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวถึง การจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม Third Party Access Code หรือที่เรียกย่อว่า TPA Code ว่า จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น สามารถใช้หรือเชื่อมต่อระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ หรือสถานีแอลเอ็นจีของตนเองได้ โดยทั้งผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และผู้รับใบอนุญาตเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ จะต้องเสนอ TPA Code ให้ กกพ.พิจารณาก่อนการประกาศใช้

 

ทั้งนี้ สาระสำคัญของ TPA Regime ประกอบด้วย การกำหนดสิทธิ และหน้าที่ของ กกพ. ผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการ และผู้เชื่อมต่อ การจัดสรรความสามารถในการให้บริการ การกำหนดอัตราค่าบริการที่บังคับใช้ภายใต้ TPA Code การบริหารปริมาณก๊าซธรรมชาติ การสละสิทธิการใช้บริการ การพิจารณาไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาท ตลอดจนการแก้ไขปรับปรุง TPA Code

 

"TPA Regime ฉบับนี้ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ มีการใช้งานอย่างเต็มสมรรถนะ ลดการผูกขาด และทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจการค้าก๊าซธรรมชาติมากขึ้น สุดท้ายผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติจะได้รับประโยชน์ด้านราคาจากกลไกการแข่งขันดังกล่าว" นายวีระพล กล่าว

 

เมื่อเร็วๆ นี้ กกพ.ได้มีการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น เรื่อง "(ร่าง) ข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม จากตัวแทนในหลายภาคส่วน จำนวนกว่า 200 คน ทั้งผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคมต่างๆ และนักวิชาการ อาทิ กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ ผู้ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ตัวแทนจากคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

 

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ กกพ.จะประกาศใช้หลักเกณฑ์การจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม (TPA Regime) ภายในเดือนสิงหาคม 2557 หลังจากนั้นผู้รับใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำเสนอข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม (TPA Code) เสนอให้ กกพ. พิจารณาอนุมัติและประกาศใช้ต่อไป

 

ด้าน นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการศึกษาท่อส่งน้ำมันของประเทศที่ ปตท.กำลังศึกษานั้น พบว่า ผลตอบแทนการลงทุนต่ำมาก ไม่ถึง 10% ของการลงทุน ซึ่งตามปกติหากการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำดังกล่าว ภาครัฐต้องช่วยลดภาษีการลงทุนให้ภาคเอกชน หรือให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในด้านกฎระเบียบต่างๆ ด้วย

 

พร้อมเสนอแนะว่าเพื่อให้โครงการดังกล่าวดำเนินการได้เร็ว ควรให้ภาคเอกชนลงทุนแทนรัฐ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูง หากภาครัฐดำเนินการเองจะกลายเป็นภาระงบประมาณแผนดิน คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนขยายท่อไปภาคเหนือ และอีสาน ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่หากภาคเอกชนตกลงกันไม่ได้ หรือไม่มีเอกชนรายอื่นๆ ลงทุน ทาง ปตท.ยินดีเข้าไปถือหุ้นในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (แทปไลน์) เพิ่มขึ้นเพื่อให้โครงการท่อส่งน้ำมันเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว