พลังงานอุตสาหกรรม - แหล่งข่าวเปิดเผยว่า "นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม" ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เร่งรัดการจัดทำแนวทางการกำหนดอัตราเงินสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนตามต้นทุนที่แท้จริง (ฟีทอินทารีฟ) ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ในช่วงปลายเดือน ก.ค.2557

สำหรับอัตราฟีทอินทารีฟที่จะประกาศใช้แทนระบบ “การให้เงินส่วนเพิ่มรับซื้อไฟฟ้า” (แอดเดอร์) นั้น เบื้องต้นได้ศึกษาเสร็จแล้ว โดยกำหนดการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ (โซลาร์ฟาร์ม) ในอัตรา 6 บาทต่อหน่วย, การผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) อัตรา 6.16-6.96 บาทต่อหน่วย, โรงไฟฟ้าชีวมวล อัตรา 3.80-5.45 บาทต่อหน่วย, โรงไฟฟ้าขยะ 4.35-6 บาทต่อหน่วย, โรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 1.65-3.55 บาทต่อหน่วย, โรงไฟฟ้าพลังงานลม อัตรา 6-13.55 บาทต่อหน่วย และโรงไฟฟ้าหญ้าเนเปียร์ 5.40 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม อัตราดังกล่าวจะต้องรอให้ กพช.เห็นชอบก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้ได้

“จะเห็นได้ว่าอัตราฟีทอินทารีฟที่ประกาศใหม่นั้น ผู้ผลิตรายเล็กจะได้รับการสนับสนุนเงินเพิ่มขึ้น และระบบฟีทอินทารีฟแบบที่ต้องทบทวนทุกปีนั้นจะมีผลดี ไม่ให้ผู้ประกอบการได้กำไรเกินควร และป้องกันไม่ให้เกิดการแห่มาผลิตไฟฟ้าจนเกิดปัญหาไฟฟ้าล้นระบบสายส่งได้อีก” แหล่งข่าวกล่าว

นอกจากนี้ ในอนาคตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนจะปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่หมดทั่วประเทศ โดยจะมีการกำหนดพื้นที่การผลิตไฟฟ้าแต่ละชนิด (โซนนิ่ง) ขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมและการผลิตไฟฟ้าล้นระบบ พร้อมกันนี้จะต้องสอดคล้องกับระบบสายส่งไฟฟ้าด้วย ดังนั้นนอกจากจะมีการกำหนดโซนนิ่งผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนแล้ว จะมีการประกาศปริมาณไฟฟ้าที่จะให้ผลิตด้วยว่าเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการแห่ผลิตมากเกินความจำเป็น

ทั้งนี้ ยังอยู่ระหว่างการจัดโซนนิ่งการผลิตโซลาร์ฟาร์ม โดยอาจปรับเปลี่ยนขนาดของโซลาร์ฟาร์มให้มีขนาดที่เล็กลง ซึ่งในสัปดาห์นี้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พร้อมด้วย กฟผ. พพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะหารือเพื่อข้อสรุปเรื่องโซนนิ่งและปริมาณการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนต่อไป รวมถึงเร่งศึกษาแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่