ENERGY

จ่อขึ้นราคาก๊าซฯ และดีเซล ปรับสมดุลให้ผู้ใช้เบนซิน
POSTED ON 08/07/2557


พลังงานอุตสาหกรรม - แหล่งข่าวกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" เป็นหัวหน้าคณะ จะสรุปตัวเลขราคาการปรับขึ้นก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) และน้ำมันดีเซลในเดือน ก.ค.2557 นี้ โดยการปรับขึ้นราคาดังกล่าวเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ใช้น้ำมันเบนซินที่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ แต่เพียงผู้เดียว แต่เงินเก็บกลับนำไปใช้ชดเชยราคาแอลพีจีให้ภาคขนส่งและครัวเรือนได้ใช้ราคาต่ำ ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมันเบนซิน

 

“คสช.อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะปรับราคาทั้งระบบในลักษณะใด และอัตราเท่าไหร่ ส่วนเบนซินนั้นจะปรับลดลงแต่ไม่ถึง 7-10 บาทต่อลิตร ตามที่มีกระแสข่าวออกมา เนื่องจากการลดราคาเบนซินจะต้องคำนึงถึงปัจจัยกองทุนน้ำมันฯ ที่มีภาระอยู่กว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่ง คสช.กำลังพิจารณาผลกระทบจากการปรับลดราคาเบนซินว่า ถ้าลดราคาลงมากจะทำให้ไม่มีเงินมาลดภาระกองทุนฯ รวมทั้งจะทำให้ไม่มีเงินสำหรับพยุงราคาแก๊สโซฮอล์ต่างๆ โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์อี-85 และแก๊สโซฮอล์อี-20 นอกจากนี้ จะส่งผลกระทบให้ประชาชนหันไปใช้น้ำมันเบนซินสูงขึ้น และเป็นผลให้การธุรกิจแก๊สโซฮอล์ได้รับผลกระทบทั้งระบบได้ " แหล่งข่าวกล่าว

 

สำหรับกระบวนการปรับขึ้นราคาแอลพีจี เอ็นจีวี และดีเซลนั้น เชื่อว่าจะเป็นลักษณะทยอยปรับขึ้น ซึ่งใช้เวลานาน ดังนั้น การปรับขึ้นราคาดังกล่าวจะเสร็จไม่ทันในปี 2557 อย่างแน่นอน ส่วนการปรับราคาเอ็นจีวีนั้น คสช.กำลังดำเนินการอยู่เช่นกัน แต่เชื่อว่าจะปรับขึ้นราคาได้ไม่ถึง 16 บาทต่อกิโลกรัม ตามต้นทุนที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลไว้ จากปัจจุบันจำหน่ายอยู่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากภาระการจำหน่ายต่ำกว่าต้นทุนในปัจจุบันนั้น ปตท.เป็นผู้แบกรับภาระไว้ ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบต่อกองทุนน้ำมันฯ แต่อย่างใด ดังนั้น การพิจารณาราคาเอ็นจีวีจึงยังไม่รีบเร่งมากนัก

 

นอกจากนี้ ในส่วนของการพิจารณาว่าจะยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ หรือไม่นั้น ทาง คสช.จะมอบหมายให้คณะรัฐบาลชุดใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นในเดือน ก.ย.2557 นี้ เป็นผู้พิจารณาแทน เนื่องจาก คสช.ต้องใช้เวลาพิจารณาเรื่องเร่งด่วนในส่วนของโครงสร้างราคาก๊าซและน้ำมันก่อน

 

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประกาศตรึงราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ค.2557 ไว้ที่ราคาเพดานสูงสุด 30.13 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากราคาแอลพีจีในตลาดโลกยังทรงตัวระดับสูงที่ 828 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือราคาตามต้นทุนที่แท้จริงควรอยู่ที่ 31 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ การตรึงราคาดังกล่าวส่งผลให้ต้องนำเงินกองทุนฯ ไปชดเชยราคานำเข้าประมาณ 18 บาทต่อกิโลกรัม และชดเชยราคาหน้าโรงกลั่น 12.28 บาทต่อกิโลกรัม

 

อย่างไรก็ตาม ปกติในเดือน ก.ค.-ส.ค.ของทุกปี จะเป็นช่วงที่ราคาแอลพีจีต้องปรับลดลง แต่เนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองต่างประเทศทำให้ราคายังทรงตัวระดับสูง ส่งผลให้ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.2557 ภาคอุตสาหกรรมอาจไม่ได้ปรับลดราคาแอลพีจีลง