พลังงานอุตสาหกรรม - นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด ผู้สำรวจและผลิตปิโตรเลียมทางทะเล เปิดเผยว่า เชฟรอนมีแผนจะลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยสนใจจะลงทุนทั้งในแปลงสัมปทานปิโตรเลียมเดิมของเชฟรอนที่กำลังจะหมดอายุลงในปี 2565 และร่วมประมูลในการเปิดสัมปทานรอบใหม่ครั้งที่ 21 แต่สิ่งสำคัญคือภาครัฐต้องมีความชัดเจนและรวดเร็วในการตัดสินใจทั้ง 2 เรื่อง เพื่อให้ภาคเอกชนมีเวลาตัดสินใจว่าการลงทุนคุ้มค่าหรือไม่

"เชฟรอนมีความตั้งใจในการลงทุนในธุรกิจนี้ แต่เราต้องการให้เกิดความชัดเจนอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 ปี ข้างหน้า ถ้าล่าช้าอาจเกิดความกดดันจนมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุน และไม่ว่าระบบจัดเก็บรายได้จากการขุดเจาะจะออกมารูปแบบไหนก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ไวและชัดเจน เราจะได้คิดว่าคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ แต่ถ้าภายใน 3 ปี ยังไม่มีความชัดเจนอาจทำให้อัตราการผลิตปิโตรเลียมลดลงหรือติดขัดได้" นายไพโรจน์กล่าว

ทั้งนี้ แปลงสัมปทานของเชฟรอนที่กำลังจะหมดอายุลงในปี 2565 ได้แก่ แหล่งเอราวัณ สตูล ปลาทอง บรรพต ฟูนาน จักรวาล และโกมินทร์ กำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติรวม 1.2 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คิดเป็น 60-70% ของจากกำลังการผลิตของเชฟรอนทั้งหมด 1.8 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะเดียวกันเชฟรอนมีแผนจะสำรวจและพัฒนาโครงการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งอุบลในอ่าวไทย โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตน้ำมัน 35,000 บาร์เรลต่อวัน และก๊าซธรรมชาติ 115 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งที่ผ่านมาเชฟรอนลงทุนในประเทศไทยเป็นเวลา 50 ปี และใช้เงินลงทุนรวมมูลค่า 9 แสนล้านบาท