พลังงานอุตสาหกรรม - นายสุนชัย คำนูนเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวในงานสัมมนา “ความพร้อมของ กฟผ.ในการสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้า” ว่า จากที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวกว่าที่คาดไว้ ทำให้ กฟผ.ปรับลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ปีนี้ จากเดิมคาดไว้ที่ 27,200 เมกะวัตต์ ล่าสุดลดลงเหลือ 26,752 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเกิดพีกในช่วงวันที่ 25-30 เมษายนนี้

ในแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว หรือพีดีพี ฉบับใหม่ สิ้นสุดปี 2573 คาดว่าการใช้ไฟฟ้าจะลดลง 5,000 เมกะวัตต์ เหลือประมาณ 47,000 เมกะวัตต์ แต่ในอนาคตยังจะต้องลงทุนเสริมสร้างระบบความมั่นคงของโรงไฟฟ้า สายส่ง และรองรับพลังงานทดแทน คาดว่าใน 10 ปีข้างหน้าจะต้องลงทุนรวม 6.32 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะจัดหาเงินลงทุนอย่างไร โดยต้องรอ ครม.ใหม่พิจารณา

ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฟผ. กล่าวถึงภาพรวมของการใช้ไฟฟ้าในปีนี้ ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2557 พบว่า มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่ กฟผ.คาดว่า ในเดือนเมษายนนี้ ปริมาณการใช้ไฟจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอากาศร้อนมากขึ้น รวมถึงในช่วงวันที่ 10-27 เมษายน 2557 นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติแหล่งบงกชของอ่าวไทย เพื่อซ่อมบำรุงท่อส่งก๊าซประจำปี ให้กับโรงไฟฟ้าบางประกง และโรงไฟฟ้าราชบุรี แต่ทาง ปตท.ก็จัดหาก๊าซจากแหล่งอื่นมาทดแทน รวมถึง กฟผ.คาดว่าการในช่วงเทศการสงกรานต์ปริมาณการใช้ไฟของ ปชช.จะลดลง เนื่องจากส่วนใหญ่ออกไปเล่นน้ำ เมื่อหักลบกันแล้วทำให้ยังเหลือปริมาณไฟสำรองอยู่ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการใช้ไฟของประเทศ

สำหรับแผนในอนาคตต้องมองหาแหล่งผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม รวมถึงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น และที่สำคัญคือการเตรียมแผนการหาพลังงานอื่นๆ เพิ่มเติมจากพลังงานเดิม โดยเฉพาะการหาแนวทางการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น โดยยอมรับว่า ในปัจจุบันความต้องการไฟฟ้าของประชาชนมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทรัพยากรมีเท่าเดิม และมีแนวโน้มที่จะหมดไปในอนาคตอันใกล้ ทาง กฟผ.ได้ร่วมกับกระทรวงพลังงาน ทำวิจัยหาแหล่งพลังงานใหม่ๆ เพิ่มเติม

ส่วนการแก้ไขปัญหาพลังงานไฟฟ้าในภาคใต้ไม่พอใช้ ทาง กฟผ.ก็พยายามวางแผนการแก้ไข โดยในเดือนนี้จะมีโรงไฟฟ้าที่ อ.วังน้อย เริ่มสามารถจ่ายไฟในเชิงพาณิชย์ได้ ก็จะเป็นอีก 1 แนวทางในการช่วยเหลือ รวมถึงในเดือนมิถุนายนก็จะมีอีก 1 โรงไฟฟ้า ที่จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าได้ แต่ทาง กฟผ.ก็ยังคงเดินหน้าทำความเข้าใจกับชาวบ้านจังหวัดกระบี่อย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช ซึ่งเป็นการซ่อมบำรุงประจำปี ระหว่างวันที่ 10-27 เม.ย.2557 นี้ ซึ่งจะทำให้ก๊าซธรรมชาติขาดหายไป 630 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทาง ปตท. ได้เตรียมรายงานแผนการดำเนินงานให้กระทรวงพลังงานรับทราบ และจัดเตรียมสำรองพลังงานสำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว ซึ่งการซ่อมบำรุงครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อภาคประชาชนและอุตสาหกรรม เพราะ ปตท.ได้เตรียมการเรียกก๊าซธรรมชาติจากฝั่งตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามความต้องการใช้ก๊าซฯ จริง รวมทั้งจัดหาเชื้อเพลิงสำรองเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน

ทั้งนี้ ปตท.จำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติต่างๆ เป็นประจำทุกปี เพื่อให้คงประสิทธิภาพในการจ่ายก๊าซฯ ซึ่ง ปตท.จะนำเสนอแผนงานประจำปีให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ เพื่อหารือแนวทางบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมร่วมกัน