ENERGY

การเมืองดึงใช้ไฟฟ้าลด กฟผ.รายได้ร่วงกว่า 5 พันล้านบาท
POSTED ON 08/04/2557


พลังงานอุตสาหกรรม - นายสุนชัย คำนูญเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ยอดใช้ไฟฟ้าในประเทศปรับตัวลดลงในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากปัญหาการเมือง จากเดิมคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 4% แต่เติบโตจริงไม่ถึง 1% ทำให้การใช้ไฟฟ้าในประเทศปรับลดลงตาม ส่งผลให้รายได้ของ กฟผ.ลดลงถึง 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่มีการปรับประมาณการกำไรของปี 2557 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ระดับ 3.1-3.2 หมื่นล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากสถานการณ์ทางการเมืองหรือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจผ่านพ้นไป ความต้องการใช้ไฟฟ้าในปี 2558 จะเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปี 2557 กฟผ.คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 25-30 เม.ย.2557 ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดในเมืองไทย โดยคาดว่าพีกจะอยู่ที่ 26,752 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะไม่ทำลายสถิติของปี 2556 ที่มีพีกอยู่ที่ 26,958 เมกะวัตต์ ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยรวมลดลง

 

สำหรับการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่ พบว่าช่วงปลายแผนพีดีพี หรือปี 2573 ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะอยู่ประมาณ 47,000 เมกะวัตต์ หรือลดลงจากแผนเดิม 5,000 เมกะวัตต์ โดยจะมีการนำพลังงานทดแทนเข้ามาคำนวณในแผนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม  แผนลงทุนของ กฟผ.ยังมีความจำเป็นทั้งในส่วนของการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่และระบบสายส่ง เพื่อความมั่นคงไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ

 

ทั้งนี้ กฟผ.ตั้งงบลงทุนสำหรับปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าทั่วประเทศในระยะเวลา 10 ปี (2556-2566) ไว้ที่ 3.3 แสนล้านบาท

 

พร้อมกันนี้ กฟผ.ยังรื้อแผนปรับปรุงระบบสายส่งให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น ไม่ใช่แต่เพียงภาคใต้เท่านั้น  โดยสาเหตุที่ กฟผ.ต้องเร่งปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าให้มีความมั่นคงควบคู่ไปกับการปรับปรุงและก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เพื่อต้องการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ เพราะเห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมาหากเกิดวิกฤติก๊าซธรรมชาติจะกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งตามแผนลงทุน 10 ปี (2556-2566) วงเงินลงทุนทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้าและระบบสายส่งไว้ที่ 6.3 แสนล้านบาท