เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - นายประสาร ไตรรัตนวรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากปัญหาการเมือง ทำให้เศรษฐกิจไทยระยะสั้นยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะสถาบันการเงินของไทยยังเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ภาคประชาชนควรให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน ไม่ใช้จ่ายเกินตัว เพราะผลสำรวจวินัยการออมของคนไทยเมื่อปีที่แล้ว พบว่าประชาชนที่ไม่มีเงินออมเลยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 22.6  และมีเพียงร้อยละ 23.3 ที่มีการออมหลังเกษียณอย่างเพียงพอ ทุกภาคส่วนจึงควรหาแนวทางสนับสนุนการออมระยะยาวให้มากขึ้น

ด้าน นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับลดประมาณการณ์ขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ลงเหลือร้อยละ 3 จากเดิมร้อยละ 4 เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจครึ่งปีแรกยังขยายตัวต่ำ และสัญญาณผิดนัดชำระหนี้มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่น่ากังวล เพราะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังอยู่ในระดับต่ำ 

ในงานสัมมนา “ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2557” นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวิจัย บล.ภัทร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้เพียงร้อยละ 2.8 ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องมีรัฐบาลภายในครึ่งปีหลัง หรือในกรณีเลวร้ายจีดีพีปีนี้อาจไม่ขยายตัวเลย แต่ไม่ถึงขั้นหดตัว

ขณะที่ทางด้าน นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า วิกฤติการเมืองไม่ก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาส และเอสเอ็มอีที่มีสายป่านสั้นจะประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง อาจกลายเป็นเอ็นพีแอลทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ หวังว่ารัฐบาลรักษาการจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ เพราะสามารถทำได้โดยไม่ขัดกฎหมาย

ด้านธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ไอแบงก์ จัดประชุมชี้แจงนโยบายปี 2557 แก่ผู้บริหารทั่วประเทศ โดย นายเปรมกมล ทินกร ณ อยุธยา ประธานกรรมการไอแบงก์ กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าแก้ปัญหาหนี้เสียกว่า 3 หมื่นล้านในปีนี้ ให้เหลือ 1 หมื่นล้านบาท และสร้างผลกำไรประมาณ 4,500 ล้านบาท  ส่วนปีที่แล้วสามารถแก้หนี้เสียได้แล้ว 2 หมื่นล้าน และทำกำไรได้ประมาณ 2,700 ล้านบาท