ECONOMICS

หวั่นการเมืองยืดเยื้อ อาจทำประเทศเสียหายกว่า 2 แสนล้านบาท
POSTED ON 05/02/2557


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ภาคเอกชนวิตกกังวลสะท้อนให้เห็นจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลง ทั้งภาคการส่งออก ท่องเที่ยว การลงทุน ที่อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้หดตัวลงจากที่คาดไว้ว่าจะโตได้ 5% เหลือไม่เกิน 3% หรือลดลง 1-2% คิดเป็นตัวเลขเสียหาย 1.2-2.4 แสนล้านบาท ขึ้นอยู่กับความยืดเยื้อของสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะสิ้นสุดที่กลางปีหรือ ทั้งปี และเท่าที่ทราบมาตอนนี้บริษัทหลายรายเริ่มชะลอการลงทุนไปแล้ว

 

สำหรับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 ที่ผ่านมา แม้จะเลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้เมื่อใด ซึ่งตรงนี้ภาคเอกชนเป็นห่วงกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ชุดใหม่ได้ ทำให้ไม่สามารถอนุมัติการลงทุนที่มีมูลค่าเกิน 200 ล้านบาทได้ โดยเสนอให้บีโอไอเร่งหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอความเห็นชอบให้ดำเนินการในส่วนนี้ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องเชิงนโยบาย แต่เป็นยุทธศาสตร์การลงทุนของประเทศระยะยาว

 

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้หอการค้าเริ่มทยอยเข้าไปเดินสายชี้แจงเอกอัครราชทูตที่ประจำอยู่ในไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงการหาแนวทางร่วมมือช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยสัปดาห์นี้จะเริ่มทยอยเข้าพบ 3-4 ประเทศ ซึ่งยอมรับว่าบรรดาทูตเริ่มเป็นห่วงธุรกิจของประเทศตัวเองที่เข้ามาลงทุนในไทย เกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ที่จะช่วยเหลือได้ในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง

 

ขณะที่ทางด้าน นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ใช่จุดจบของปัญหาการเมือง เพราะนักลงทุนต่างชาติยังคงกังวลกับเศรษฐกิจไทย โดยคาดจีดีพีปีนี้จะโตต่ำแค่ 3% ซึ่งหากปัญหาการเมืองยังอยู่ในภาวะความไม่สงบต่อเนื่อง จะทำให้ตลาดหุ้นไทยเสียเปรียบตลาดหุ้นอีก 5 ชาติของอาเซียน