เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอมรับว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้เริ่มมีผลกระทบต่อยอดคำสั่งซื้อสินค้า และวิตกว่าหากยืดเยื้อจะมีผลต่อการส่งออกระยะยาว คือหลังไตรมาส 2 ปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องค่าบาทและต้นทุนราคาวัตถุดิบด้วย ซึ่งผู้ประกอบการได้ปรับตัวด้วยการเพิ่มข้อเสนอให้คู่ค้ามากขึ้น สำหรับกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งกำชับทูตพาณิชย์ทั่วโลกชี้แจงและให้ความมั่นใจต่อผู้นำเข้า รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก ไม่มีการเลื่อนแผนการจัดแสดงสินค้าในไทยแต่อย่างไร ทั้งนี้ ยังคงเป้าการส่งออกปีนี้ขยายตัว 5%

"กำลังติดตามเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเงินฝืด เกิดจากความรู้สึกของผู้บริโภคต่อปัญหาการเมืองและการชุมนุมยืดเยื้อที่จะมีผลโดยตรงต่อการบริโภคลดลง จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นการบริโภค" นางศรีรัตน์ กล่าว

นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เปิดเผยว่า ปีนี้อุตสาหกรรมอาหารได้ลดเป้าหมายยอดการส่งออกลงเหลือ 9.7 แสนล้านบาท จากที่คาดไว้ 1 ล้านล้านบาท เพราะสินค้าอย่างน้ำตาล ข้าว เติบโตไม่ชัดเจน โดยน้ำตาลราคาตลาดโลกตกต่ำ ขณะที่ข้าวยังไม่รู้ว่าไทยจะส่งออกได้มากเพียงใดจากปัญหาภายในและไทยกำลัง เผชิญปัญหาขัดแย้งทางการเมืองจึงอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อ สินค้าไทย

รายงานข่าวจากสถาบันอาหารแจ้งตัวเลขส่งออกอาหารช่วง 11 เดือน ปี 2556 (มกราคม-พฤศจิกายน) พบว่า มูลค่าอยู่ที่ 8.41 แสนล้านบาท ขณะที่การส่งออกทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 9.13 แสนล้านบาท ลดลง 6% จากหลายปัจจัย อาทิ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เงินบาทแข็งค่าช่วงต้นปี วัตถุดิบกุ้งลดลงจากโรคตายด่วน ความต้องการและราคาน้ำตาลในตลาดโลกลดลง และความต้องการไก่แปรรูปในยุโรปลดลงและมีการแข่งขันรุนแรง

ขณะที่ในปีนี้ประเมินปัจจัยต่อการส่งออก ด้านดีมาจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัว ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ผลผลิตกุ้งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ญี่ปุ่นเริ่มนำเข้าไก่สดจากไทย ส่วนปัจจัยลบคือสินค้าอาหารแปรรูปของไทยจะถูกสหภาพยุโรปตัดสิทธิพิเศษทาง ภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าสูงขึ้นจากเงินบาทอ่อนค่า ราคาและความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกไม่ขยายตัว เพราะสต็อกน้ำตาลทรายในตลาดโลกยังอยู่ระดับสูง