ECONOMICS

ณรงค์ศักดิืขึ้นแท่นประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน สมัยที่ 27 ปักหมุด 30 มลฑลใน 4 ปี
POSTED ON 10/02/2563


 

 

ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน คนใหม่เร่งขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีนเพิ่ม มั่นใจปี 2563 ลงทุนจีนมาไทยยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะเอสเอ็มอี หวังเชื่อมอีอีซีไทยกับนโยบาย One Belt One Road ของจีน พร้อมจับมือรัฐร่วมโปรโมทดึงจีนท่องเที่ยวไทยกลับ

 

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน (Thai Chinese Chamber of Commerce หรือ Thai CC) สมัยที่ 27 เปิดเผยภายหลังการรับมอบตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย – จีน วันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2563) ว่า หอการค้าไทย- จีน ถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีนมาอย่างยาวนานถึง 110 ปีและในฐานะที่เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย - จีนพร้อมที่จะยกระดับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันเพื่อเชื่อมโยงยุทธศาสตร์เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทยกับนโยบายเส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road) ของจีนเพื่อยกระดับเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตต่อไป

 

“ จีนได้พัฒนาประเทศไปมากแล้วจนการเติบโตเริ่มอิ่มตัวต้องมองหาการลงทุนภายนอกประเทศและผมคิดว่าธุรกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ของจีนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ดังนั้นทางหอการค้าไทย-จีนพร้อมที่จะร่วมมือกันดึงการลงทุนจากจีนเข้ามาไทยขณะเดียวกันก็จะพัฒนาให้ธุรกิจไทยร่วมมือกับจีนทั้งในประเทศไทยและในจีน ซึ่งเอสเอ็มอีของจีนนั้นถือเป็นธุรกิจที่ไม่เล็กเลยซึ่งผมเองมีทีมงานที่จะร่วมมือกันคาดหวังว่าอย่างน้อยในปีนี้หอการค้าไทย-จีนจะดึงลงทุนเอสเอ็มอีของจีนมาลงทุนในไทย1-2 รายให้ได้”นายณรงค์ศักดิ์กล่าว

 

ทั้งนี้นักลงทุนจีนทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอีต่างสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่องในเกือบทุกอุตสาหกรรมทั้ง เครื่องจักรกล อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซีซึ่งคาดว่าในปี 2563 การเข้ามาลงทุนในไทยจะมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานักลงทุนจีนเข้ามาศึกษาลู่ทางการลงทุนแต่ยังขาดความเข้าใจในเรื่องของกฏระเบียบและกฏหมายของไทยโดยเฉพาะสิทธิประโยชน์การลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ทั้งเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นในอุตสาหกรรมที่จะต่างกันออกไป การซื้อที่ดิน เป็นต้นดังนั้นหอการค้าไทย-จีนจึงเป้าหมายที่จะเข้าไปชักชวนการลงทุนในช่วงระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง 4 ปี(ปี 63-66) ให้ครอบคลุมทั้ง 30 มณฑลซึ่งปีแรกเตรียมเข้าไปยังมณฑลหลักๆ 8 มณฑล อาทิ ปักกิ่ง เป็นต้น

 

สำหรับปัญหาเชื้อไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดในจีนและหลายประเทศขณะนี้นั้นทางหอการค้าไทย-จีนยังเชื่อมั่นว่าที่สุดจีนจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้จบลงได้ในไม่กี่เดือนจากนี้ แต่ยอมรับว่าสินค้าที่ก่อนหน้านั้นต้องหยุดผลิตไปและวัตถุดิบที่ต้องส่งให้ไทยโดยเฉพาะจากเมืองอู๋ฮั่นก็อาจได้รับผลกระทบบ้างทำให้กระบวนการที่จะกลับมาเป็นเช่นเดิมอาจใช้เวลา แต่ภาพรวมการส่งออกของไทยอาจจะชะลอบ้างเล็กน้อยจากปัญหาดังกล่าวแต่คงไม่ใช่ปัจจัยหลักเพราะส่งออกของไทยยังมีประเทศอื่นๆ อีก แต่ยอมรับว่าที่มีผลกระทบมากน่าจะเป็นธุรกิจท่องเที่ยวเพราะนักท่องเที่ยวจีนมาไทยจำนวนมากดังนั้นก็ย่อมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในไตรมาส1-2 เล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตามหอการค้าไทย-จีนจะร่วมมือกับรัฐในการช่วยกันโปรโมทการท่องเที่ยวไทยเพื่อดึงคนจีนให้มาเที่ยวไทยมากขึ้น ซึ่งรัฐเองอาจต้องหาวิธีโปรโมทด้านต่างๆไปพร้อมกันด้วยโดยเฉพาะเห็นว่าควรจะเน้นใช้เทคโนโบยีเข้ามาบริหารจัดการเพื่ออำนวยความสะดวกให้มากยิ่งขึ้น เช่น การทำแผนที่ การมีแอพลิเคชั่นแนะนำและดูแลความปลอดภัยเป็นต้น

 

“หนักสุดคงเป็นเรื่องท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหารเงียบเหงา ฯลฯกว่าจะฟื้นตัวคงใช้เวลา 3-4 เดือนถ้าควบคุมได้การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้เร็วมาก อย่างไรก็ตามหอการค้าไทย-จีน ได้มอบเงิน 15 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคนจีนที่เผชิญกับไวรัสโคโรนา ขณะเดียวกันการเข้ามาทำหน้าที่ครั้งนี้ผมก็พร้อมที่จะสานต่อภารกิจเพื่อความร่วมมือของทั้งสองประเทศในทุกมิติ และยกระดับให้องค์กรเป็นชั้นนำของกลุ่มองค์กรการค้าระหว่างประเทศที่ปัจจุบันไทยมีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 36 แห่ง" นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว