ECONOMICS

ตลาดวัสดุทดแทน ปี 2557 ทิศทางสดใส ผู้ค้าใหญ่ทุ่มขยายโรงงานร่วมชิงส่วนแบ่ง 2 หมื่นล้านบาท
POSTED ON 07/01/2557


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - ผู้สื่อข่าวสำรวจภาพรวมตลาดวัสดุทดแทนปี 2556 พบว่า มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 1.9 หมื่นล้านบาท โตจากปี 2555 ประมาณ 10% แยกเป็น (1) อิฐมวลเบา มูลค่ารวม 4.1 พันล้านบาท เติบโต 10% (2) ไม้สังเคราะห์-ซีเมนต์บอร์ด มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% (3) พื้นไม้ลามิเนต มูลค่ารวม 2.1 พันล้านบาท เติบโต 20% และ (4) ประตู-หน้าต่างไวนิลมูลค่า 2.9 พันล้านบาท เติบโต 20%

 

โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดเติบโตดีสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว มาจากเป็นสินค้าทดแทนวัสดุธรรมชาติแบบดั้งเดิมที่นับวันจะมีราคาแพงและหาสินค้าที่มีคุณภาพดียากขึ้น ขณะที่ปี 2557 ผู้ผลิตรายใหญ่ประเมินตรงกันว่า ภาพรวมตลาดวัสดุทดแทนมีแนวโน้มจะโตได้อีก 11% แม้ว่าทิศทางเศรษฐกิจจะไม่สดใสและมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

 

นายสนธยาชัย สอนสุภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฝ้า ผนัง และวัสดุทดแทนไม้ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ในเครือเอสซีจี ผู้ผลิตไม้สังเคราะห์และแผ่นซีเมนต์บอร์ด "ตราช้าง" เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาตลาดรวมวัสดุทดแทนไม้ ทั้งไม้สังเคราะห์และแผ่นซีเมนต์บอร์ด ยังเติบโตดี แม้เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โตจากปีก่อน 10% เหตุผลที่ตลาดยังเติบโตดี เพราะมีความสวยใกล้เคียงไม้จริง แต่ราคาถูกกว่า ขณะที่ปี 2557 คาดว่าตลาดยังโตอีก 7%

 

ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา "ตราช้าง" มีส่วนแบ่งตลาด 45% หรือ 4,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ "ตราช้าง สมาร์ทวูด" 50% และผลิตภัณฑ์ซีเมนต์บอร์ด "ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด" 50% ขณะที่ปี 2557 บริษัทวางเป้าเติบโต 11% หรือ 4,900 ล้านบาท

 

ด้าน นายอุฬาร เกรียวสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องโอฬาร จำกัด ผู้ผลิตไม้สังเคราะห์โอฬาร เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมากลุ่มสินค้าไม้สังเคราะห์เติบโตมาก บริษัทมียอดขายกว่า 400 ล้านบาท เติบโต 50% เป็นผลมาจากลงทุนขยายเครื่องจักรเพิ่ม 1 เครื่อง มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นเป็นปีละกว่า 2.19 แสนตัน ล่าสุดปีนี้จะมีผู้เล่นรายใหม่คือ "ทีพีไอโพลีน" ที่เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์เข้ามารุกตลาดเพิ่ม คาดว่าการแข่งขันจะรุนแรงกว่าเดิม

 

ทางด้าน นายวิชญ บูรณพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิบูลย์วัฒนอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตไม้อัดผสมซีเมนต์สำหรับทดแทนไม้แบรนด์ "วีว่า" เปิดเผยว่า ปีที่แล้วบริษัทประสบปัญหาผลิตสินค้าไม่ทันความต้องการ เพราะเดินกำลังผลิต 100% อยู่ที่ปีละ 5.4 หมื่นลูกบาศก์เมตร ล่าสุดได้ขยายโรงงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่มอีก 1 ไลน์การผลิต คาดว่าแล้วเสร็จต้นปี 2557 มีกำลังผลิตเพิ่มอีก 50-60% เป็น 8-8.5 หมื่นลูกบาศก์เมตร

 

ขณะที่ นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตไม้สังเคราะห์และอิฐมวลเบา "ตราเพชร" เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาตราเพชรมียอดขายสินค้าในกลุ่มไม้สังเคราะห์โตขึ้น 5-10% แผนงานปี 2557 บริษัทรอประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่คาดว่ายอดขายจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา

 

นายสาธิตยังกล่าวอีกว่า สำหรับวัสดุทดแทนในกลุ่มอิฐมวลเบา หลังบริษัทเริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้าเมื่อกลางปีที่แล้ว ผลตอบรับถือว่าดี จึงตัดสินใจเข้าซื้อกิจการโรงงานอิฐมวลเบาของบริษัท พิบูลย์คอนกรีต จำกัด ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตในภาคเหนือ โดยตราเพชรมีโรงผลิต 2 โรงที่ จ.สระบุรี และ เชียงใหม่ มีกำลังการผลิตรวมปีละ 5 ล้านตารางเมตร ปัจจุบันเดินกำลังการผลิตอยู่ที่ 60-70% ปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มเป็น 80%

 

นายกิตติ สุนทรมโนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอิฐมวลเบา "คิวคอน" กล่าวว่า ตลาดรวมอิฐมวลเบาปีที่ผ่านมามีมูลค่าตลาดประมาณ 4.1 พันล้านบาท คิดเป็นประมาณการใช้ 27 ล้านตารางเมตร เติบโต 10% ในปี 2557 ประเมินว่าตลาดน่าจะโต 7% มีมูลค่าตลาดรวม 4,400 ล้านบาท หรือประมาณ 29 ล้านตารางเมตร โดยตลาดต่างจังหวัดมีแนวโน้มขยายตัวใช้อิฐมวลเบาแทนอิฐมอญมากขึ้น ล่าสุดบริษัทลงทุน 640 ล้านบาทก่อสร้างโรงงานใหม่ที่ จ.ลำพูน มีกำลังผลิตปีละ 3.6 ล้านตารางเมตร

 

ในด้านของ นายรังสี ทีปกรสุขเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด ในเครือ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี เปิด เผยว่า ธุรกิจอิฐมวลเบาปี 2557 มีแนวโน้มเติบโตดี หลังเกิดภาวะแรงงานขาด ทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้อิฐมวลเบาแทนอิฐมอญ แต่บริษัทยังไม่มีแผนลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันสมาร์ทคอนกรีตใช้กำลังผลิต 3 ล้านตารางเมตรต่อปี จากกำลังการผลิตรวม 4.5 ล้านตารางเมตรต่อปี

 

แหล่งข่าวจากวงการวัสดุ เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆ นี้บริษัท อินทรีซุปเปอร์บล๊อกจำกัด ในเครือปูนซีเมนต์นครหลวง ได้เทกโอเวอร์โรงงานผลิตอิฐมวลเบาของกลุ่มพิบูลย์คอนกรีต ถือเป็นความเคลื่อนไหวในวงการอิฐมวลเบาที่น่าจับตา เนื่องจากตลาดก่อสร้างที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดกำลังผลิตและอิฐมวลเบาน่าจะ เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น

 

นายสมานชัย อธิพันธุ์อำไพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอวูด อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตแบรนด์ "ลีโอวูด" เปิดเผยว่า ตลาดพื้นไม้ลามิเนตปีที่ผ่านมามีมูลค่าประมาณ 2.1 พันล้านบาท เติบโต 20% โดยเป็นการเข้าไปทดแทนการไม้ปาร์เกต์ซึ่งนับวันมีราคาแพงและหาไม้คุณภาพดี ยากขึ้น ขณะที่แนวโน้มตลาดปี 2557 จะเติบโตได้อีก 20% เพราะมีโครงการคอนโดฯ ทยอยก่อสร้างเสร็จเป็นจำนวนมาก และนิยมใช้พื้นไม้ลามิเนตปูพื้นห้องชุด โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขาย 730 ล้านบาท เติบโต 20%