Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เปิดเผยว่า ภายหลังจาก พ.ร.บ.อีอีซี มีผลบังคับใช้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเพิ่มมากขึ้น และเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ขยายตัวได้สูงถึง 5% และเมื่อรวมกับปัจจัยด้านการเร่งลงทุนภาครัฐในโครงการต่าง ๆ แล้ว จะได้เห็นเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ 5% ซึ่งสูงกว่าที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้ที่ 4.2%

นายคณิศ กล่าวว่า ได้เสนอแนวคิดให้กระทรวงการคลังจัดทำธนาคารที่ดินหรือแลนด์แบงก์ขึ้น เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการที่ดินในเชิงพาณิชย์ รองรับการขยายตัวของเมืองและโครงการอีอีซี รวมถึงป้องกันการเก็งกำไรที่ดินของนายทุน โดยขณะนี้พื้นที่อีอีซีมีนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ที่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งได้เตรียมพื้นที่ไว้ประมาณ 3,000 ไร่ เพื่อรองรับแล้ว

ด้าน นายศรพล ตุลยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นแล้ว 3.53% จะมีประเทศเดียวที่ค่าเงินแข็งค่ากว่าไทยคือ ญี่ปุ่น ส่วนประเทศในอาเซียนอย่างมาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ค่าเงินยังอ่อนกว่าไทยมาก แต่ต้องยอมรับว่าภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งกระทรวงการคลังได้ใช้เครื่องมือทั้งหมดในการดูแลเรื่องค่าเงินไปอย่างเต็มที่แล้ว

นายศรพล ระบุว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพแล้ว โดยคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสจะเติบโตได้สูงกว่า 4.2% เนื่องจากการการลงทุนที่จะเกิดขึ้นจากโครงการต่าง ๆ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะมีส่วนในการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดีกว่าประมาณการที่ สศค.ตั้งไว้ ทั้งนี้ สาเหตุที่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตได้เต็มศักยภาพแล้วมาจากเครื่องชี้วัดในหลายตัว เช่น มูลค่าการส่งออก ที่ในปี 2560 ขยายตัว 9.9% ถือว่าสูงสุดในรอบ 6 ปี ถือว่ามีการฟื้นตัวที่ชัดเจนมาก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2560 อยู่ที่ 35.4 ล้านคน ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นการขยายตัว 8.8% ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 12.2% เห็นได้ว่าเป็นการเข้ามาของนักท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ”

“ขณะที่เริ่มเห็นการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการส่งออกและการลงทุนจะมีความสอดคล้องกัน โดยเมื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น การลงทุนก็จะเพิ่มขึ้นตาม ดูได้จากยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน การนำเข้าวัตถุดิบ ตลอดจนเครื่องมือเครื่องจักรจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้ในการผลิตสินค้า และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ไม่เป็นอุปสรรรคต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและไม่เป็นอุปสรรคต่อภาคเอกชนในการดำเนินธุรกิจเช่นกัน อย่างไรก็ดี แม้จะเห็นเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยหลายตัวที่มีทิศทางดีขึ้น แต่กระทรวงการคลังก็ไม่ได้ละเลยการดูแลเศรษฐกิจในภาพรวม โดยยังดำเนินนโยบายการคลังที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง” นายศรพล กล่าว