ECONOMICS

พาณิชย์ ตั้งเป้าส่งออกไทยปีหน้าโต 5%
POSTED ON 22/12/2558


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม 22 ธ.ค.2558 - นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2559 กรมฯตั้งเป้าการส่งออกว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 5% โดยเป้าหมายดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะขยายตัว 3.6% และปริมาณการค้าโลกที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.4% รวมไปถึงการเปิดเสรีการค้าระหว่างไทยกับประเทศคู่ค้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในการสนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอีด้านการเงิน และส่งเสริมธุรกิจที่มีนวัตกรรม อีกทั้งยังมีนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ และการกำหนดเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรมหลัก ซึ่งจะผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ

 

"กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้วางยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศสำหรับปี 2559-2564 ไว้ 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) การเปิดประตูการค้าและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (2) การเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก (3) การส่งเสริมการค้าชายแดน (4) การส่งเสริมการประกอบธุรกิจและการลงทุนในต่างประเทศ (5) การปรับโครงสร้างการค้าสู่ภาคบริการ (6) การเพิ่มบทบาทของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการผลักดันการค้า และสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม และ (7) การสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมส่งออก" นางมาลี กล่าว

 

สำหรับการส่งออกของไทยในปีหน้ายังคงมีปัจจัยลบที่จะต้องติดตาม คือ ราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง, ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังมีแนวโน้มปรับลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมีให้มีราคาส่งออกที่ลดลงด้วย และที่สำคัญเมื่อประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ก็จะส่งผลต่อเนื่องมาถึงรายได้ที่ลดลง และทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังมีความผันผวน และสุดท้ายคือเรื่องภัยจากการก่อการร้าย

 

ในส่วนของสินค้าที่คาดว่าจะยังสามารถส่งออกได้ในทิศทางที่ขยายตัวเป็นบวกในปีหน้า ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน, อัญมณีและเครื่องประดับ, ไก่สดแช่เย็น และแปรรูป, อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เครื่องสำอาง และเภสัชภัณฑ์, เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และสินค้าของขวัญ ของชำร่วย ของตกแต่งบ้าน และธุรกิจบริการ ได้แก่ สปา บริการด้านสุขภาพ, บันเทิง, การขนส่งและโลจิสติกส์, สถาบันการศึกษา, โรงพยาบาล และ ก่อสร้างและออกแบบตกแต่งภายใน ส่วนสินค้าที่อาจยังมีแนวโน้มการส่งออกที่ไม่สดใสมากนัก ได้แก่ สินค้าประมง อาหารทะเลแช่เย็นแช่แข็ง, เครื่องนุ่งห่ม ผ้าผืนและด้าย และ ผลิตภัณฑ์ยาง

 

นางมาลี กล่าวเพิ่มเติมว่า "เป้าหมายการส่งออกสำหรับรายตลาดในปีหน้า โดยรวมแล้วตลาดหลักยังสามารถเติบโตได้จากปีนี้ โดยคาดว่าตลาดสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 3% สหภาพยุโรป 2.8% อาเซียน 6% กลุ่ม CLMV 13.6% จีน 3.5% อินเดีย 9% และออสเตรเลีย 10% ส่วนตลาดส่งออกที่คาดว่ายังไม่สามารถเติบโตได้ดีในปีหน้า ได้แก่ ญี่ปุ่น ที่คาดว่าจะหดตัว 1.5% รวมถึงตะวันออกกลาง และแอฟริกา ที่คาดว่าจะหดตัว 3% และ 8% ตามลำดับ"

 

ทั้งนี้ แผนงานสำคัญในตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯจะเจาะกลุ่มลูกค้า Hispanic การขายสินค้าผ่าน E-Commerce และทีวีช็อปปิ้ง ส่วนตลาดญี่ปุ่นจะเจาะกลุ่มเฉพาะผู้สูงอายุ กลุ่มสถาบัน โรงแรม ร้านค้า ขณะที่ตลาดสหภาพยุโรปจะเจาะกลุ่มเฉพาะผู้สูงอายุ กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ส่วนตลาดใหม่อย่างรัสเซียจะเน้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, สินค้าข้าว และไก่ และตลาดอิหร่าน จอร์แดน จะเพิ่มการเจรจาเปิดตลาดและกระชับความสัมพันธ์ เน้นไปที่สินค้าข้าว และยางพารา

 

นอกจากนี้ ยังมีตลาดแอฟริกาที่จะเน้นการเจรจาเปิดตลาดและกระชับความสัมพันธ์ โดยเน้นสินค้ากลุ่มข้าว และนำเข้าวัตถุดิบอัญมณี ส่วนตลาดในเอเชีย เช่น ตลาดอาเซียน จะเน้นทั้งด้านการค้าการลงทุน จัดงาน Top Thai Brand ใน 6 เมืองหลัก และจัด Mini Thailand Week จำนวน 15 ครั้งในเมืองรอง ส่วนตลาดจีนจะขยายตลาดเมืองรองเพิ่มเติม เช่น เฉิงตู, หนิงเซียะ, ฉงชิ่ง, ฝูโจว, หนานจิง, กุ้นหลิน และอู๋ฮั่น ขณะที่ตลาดอินเดียจะมีการจัดงาน Thailand Week ใน 3 เมือง คือ เจนไน, บังกาลอร์ และจัณฑิการ์

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics