ECONOMICS

พาณิชย์ หั่นเป้าส่งออกปีนี้เหลือ 1% จากเดิม 4%
POSTED ON 27/04/2558


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะประกาศปรับลดเป้าหมายการส่งออกสำหรับปี 2558 ใหม่ จากเดิมที่เคยคาดว่าจะขยายตัวได้ 4% นั้น อาจจะปรับลดลงมาเหลือขยายตัวได้มากกว่า 1% ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าคาดการณ์ในเดือน มี.ค.2558 ที่ผ่านมา อาจมีแนวโน้มติดลบ และทำให้การส่งออกไตรมาสแรกติดลบเช่นกัน แต่ก็ยังเชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลให้การส่งออกกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้

 

อย่างไรก็ดี มองว่าการส่งออกของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ยังไม่ถือว่าแย่มาก เพราะจากการตรวจสอบประเทศที่ส่งออกสูงสุด 30 อันดับแรกทั่วโลก พบว่า ส่วนใหญ่ติดลบทั้งหมด โดยมีเพียง 3 ประเทศเท่านั้นที่การส่งออกเป็นบวก ได้แก่ จีน, สวิตเซอร์แลนด์ และชิลี ส่วนฮ่องกงเสมอตัว

 

สำหรับการประชุมระหว่างกระทรวงพาณิชย์ที่ร่วมกับภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้นั้น ทาง รมว.พาณิชย์ เผยว่า จะมีการแบ่งกลุ่มสินค้าทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ รวมกว่า 10 กลุ่ม เพื่อทำแผนผลักดันการส่งออกเป็นรายสินค้าและรายตลาด โดยให้ดูว่าจะขยายตลาดเก่าและเจาะตลาดใหม่ๆ ได้อย่างไร ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน จากนั้นจะเดินหน้าดำเนินงานตามแผนทันที

 

"ได้ขอให้อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศนัดหารือกับภาคเอกชนทุกกลุ่มที่กำหนดไว้ และให้ทำแผนให้เสร็จภายใน 1 เดือนว่าจะทำอะไรบ้าง สินค้าไหนมีโอกาส เอกชนเสนอให้ทำอะไร และเมื่อได้แผนออกมาแล้ว ผมจะเริ่มปูพรมทำงานพร้อมกันทุกสินค้าทุกตลาดทันที เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.2558 นี้ เพื่อเพิ่มยอดการส่งออก" รมว.พาณิชย์ ระบุ

 

สำหรับสินค้า 10 กลุ่มที่กำหนดเพื่อทำแผนผลักดันการส่งออก ได้แก่ (1) เกษตรและอาหาร, (2) เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน, (3) ยานยนต์และชิ้นส่วน, (4) สิ่งทอ, (5) อัญมณีและเครื่องประดับ, (6) วัสดุก่อสร้าง, (7) กลุ่มสินค้าสุขภาพ, (8) กลุ่มไลฟ์สไตล์, (9) โลจิสติกส์ และ (10) ตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม)

 

ขณะที่ทางด้าน นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์เพิ่มงบประมาณในโครงการเอสเอ็มอี โปรแอ๊คทีฟ ที่สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีโอกาสในการส่งออก หลังจากที่งบประมาณเดิมได้หมดลงและหยุดโครงการไปแล้ว รวมถึงขอให้ผลักดันโครงการ "โปรดักส์ ออฟ ไทยแลนด์" โดยสนับสนุนให้ติดโลโก้ที่ระบุว่าเป็นสินค้าจากประเทศไทยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเร่งจัดงานแสดงสินค้าระดับอาเซียน โดยจัดงานร่วมกับประเทศอาเซียนอื่นๆ ในปีหน้า เพื่อดึงดูดคนทั่วโลกมาชมและเลือกซื้อสินค้า

 

นอกจากนี้ ได้ฝากให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า โดยขณะนี้แข็งค่าขึ้น 1% ขณะที่คู่แข่งอย่างมาเลเซียอ่อนค่าลง 10%, สิงคโปร์อ่อนค่าลง 5-6%, อินโดนีเซีย อ่อนค่าลง 5-6% และเวียดนาม อ่อนค่าลง 2% ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน ทำให้การส่งออกมีปัญหา และยังถือว่าเงินบาทไทยแข็งค่ามากที่สุดในโลก โดยติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศที่เงินแข็งค่า

 

ด้าน นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า เอกชนประเมินว่าการส่งออกไตรมาสแรกของปีนี้น่าจะติดลบ 4-5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ไตรมาส 2 จะเริ่มทรงตัว และไตรมาส 3 และ 4 จะกลับมาส่งออกได้ดีขึ้น คาดว่าน่าจะขยายตัวเป็นบวกได้ประมาณไตรมาสละ 3% จากการที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว และจะทำให้การส่งออกทั้งปีโตได้ในระดับ 0% หรือเป็นบวกเล็กน้อย ซึ่งไม่รู้ว่ากระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าใหม่ไว้เท่าไร แต่เอกชนประเมินตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น