ECONOMICS

สภาอุตฯ แนะรัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ-ช่วยประคอง SME
POSTED ON 11/03/2558


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เริ่มประสบภาวะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในอัตราที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากภาวะการส่งออกยังคงชะลอตัวลง ควบคู่กับแรงซื้อในประเทศที่ยังคงไม่ฟื้นตัว ส่งผลต่อการจำหน่ายสินค้าในภาพรวมที่ลดลงและยังเผชิญการแข่งขันที่สูง ดังนั้น จึงเห็นว่ารัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

 

ในเดือน ม.ค.2558 แรงซื้อในประเทศยังไม่ฟื้นตัว ปริมาณการส่งออกลดลง สิ่งที่เอกชนรอดูคือมาตรการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่พบว่าในเดือน ม.ค.2558 รัฐเบิกจ่ายงบลงทุนเพียง 5 หมื่นกว่าล้านบาท หรือคิดเป็น 13% จากที่ตั้งเป้าไว้เท่านั้น ทำให้การลงทุนทั้งรัฐและเอกชนบางส่วนมีการชะลอออกไป โดยเฉพาะการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณรัฐก็ต้องดูสถานการณ์การเบิกจ่ายงบของรัฐก่อน

 

"สิ่งที่เอกชนกำลังติดตามใกล้ชิดก็คือกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะมีการประเมินอันดันความน่าเชื่อถือปัญหาการค้ามนุษย์อีกครั้งในช่วงปลายเดือน มี.ค.2558 นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือให้ไทยอยู่ในระดับเทียร์ 3 หรือระดับล้มเหลว ซึ่งหากไทยไม่สามารถพ้นบัญชีดังกล่าวออกไปได้ก็จะมีผลกระทบต่อตลาดส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ขณะนี้เป็นเพียงตลาดเดียวที่จะฟื้นตัวและมีศักยภาพที่จะทำ ให้ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้น" นายเกรียงไกร กล่าว

 

ทั้งนี้ปัจจุบันการส่งออกของไทยในตลาดหลักๆ มีทิศทางชะลอตัว โดยเฉพาะในสหภาพยุโรป (อียู) ที่การส่งออกต้องเผชิญแรงกดดันจาก 2 กรณี คือ (1) การที่ไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ลงในสินค้าบางรายการที่เคยได้รับ ทำให้ขีดความสามารถเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านลดลง และ (2) ค่าเงินบาทที่ไทยแข็งค่าขึ้น

 

ด้าน นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีกำลังประสบปัญหาสภาพคล่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลให้เริ่มเป็น NPL ในอัตราที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก ดังนั้น เห็นว่ารัฐบาลจะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและหามาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องของเอสเอ็มอีอย่างเร่งด่วน