ECONOMICS

ความเชื่อมั่นอุตฯ ม.ค.2558 ลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
POSTED ON 24/02/2558


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน ม.ค.2558 อยู่ที่ 91.1 ลดลงจากระดับ 92.7 ในเดือน ธ.ค.2557 โดยค่าดัชนีที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ

 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า "ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในเดือน ม.ค.2558 ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรก หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาส 4 ของปี 2557 โดยมีปัจจัยลบจากความกังวลต่อการชะลอตัวลงของกำลังซื้อภายในประเทศ โดยเฉพาะกำลังซื้อภาคเกษตร รวมทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย อีกทั้งภาครัฐยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน"

 

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการเห็นว่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการใช้จ่ายของภาครัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ประกอบกับในปี 2558 จะเริ่มเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้น การส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนภาคการส่งออกไทย ขณะเดียวกันผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน และการบริหารความเสี่ยง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกิจการ

 

โดยผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐที่อยากให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศ รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTBs) รวมถึงเร่งส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการใช้นวัตกรรม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและสร้างมูลค่าสินค้าด้วย

 

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า "อยากให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.5% ซึ่งอาจทำให้เงินทุนไหลเข้าลดลงและทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเปรียบกับคู่ค้าของเราที่อ่อนตัวลงมาก ไม่ว่าจะเป็นอียู ญี่ปุ่น หรือแม้แต่มาเลเซียซึ่งเป็นคู่แข่งที่ชัดเจน มีความแข็งแรงมากในอาเซียน เราก็ต้องปรับตัวพอสมควร"

 

"ปัจจุบันขีดความสามารถในการค้าของประเทศไทยเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมาแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 30 ต้นๆ มาตลอด ต่างกับคู่แข่งอย่างอินโดนีเซียที่ขยับขึ้นมาตามหลังไทยแค่ 2 อันดับ จากอันดับ 50 กว่า ซึ่งคงต้องดูว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดันนโยบายร่วมกับภาคเอกชนได้อย่างไร" นายสุพันธุ์ กล่าว