ECONOMICS

เอกชนติงรัฐประกาศแผนบีโอไอกระชั้นชิด แถมคล้ายมาเลย์-สิงคโปร์
POSTED ON 16/12/2557


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2557 ที่ผ่านมา "นางหิรัญญา สุจินัย" รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ปี 2558 ตั้งเป้ายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนมูลค่า 7-8 แสนล้านบาท หากนับรวมโครงการใหญ่อย่างโรงงานไฟฟ้าหรือชิ้นส่วนยานยนต์ คาดว่ามูลค่าจะถึง 9 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ใหม่จะไม่เน้นเป้าหมายเป็นจำนวนเงิน แต่จะวัดความสำเร็จจากจำนวนอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ขอส่งเสริมการลงทุนไม่ต่ำกว่า 30% ของจำนวนโครงการทั้งหมดภายใน 7 ปี จากเดิมมีอุตสาหกรรมเป้าหมายเพียง 10-20% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

 

"ยุทธศาสตร์ใหม่จะยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ตามเขตที่ตั้ง เหลือเฉพาะพื้นที่ที่มีรายได้ต่อหัวต่ำใน 20 จังหวัดเท่านั้น จะยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มอีก 3 ปี จากสิทธิพื้นฐานตามประเภทอุตสาหกรรม โดยจะมีผลบังคับใช้สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2558 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ทางบีโอไอจะเดินสายจัดสัมมนาทำความเข้าใจให้นักลงทุนไทยและต่างประเทศให้ทราบในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.2558" นางหิรัญญา กล่าว

 

นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าต่างประเทศในไทย เปิดเผยว่า "ยุทธศาสตร์ใหม่ดังกล่าวภาคเอกชนทราบมาบ้างแล้ว แต่ไม่ได้มีการหารือกันอย่างเป็นทางการและไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด ภาคเอกชนเห็นว่าการประกาศใช้ยุทธศาสตร์ใหม่ควรให้เวลาภาคเอกชนศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนใช้ยุทธศาสตร์ใหม่ประมาณ 6-12 เดือน หรืออย่างน้อย 1 ไตรมาส การที่ภาครัฐประกาศยุทธศาสตร์ใหม่เดือน ธ.ค.2557 มีผลวันที่ 1 ม.ค.2558 ทำให้เอกชนมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะเอกชนได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนแล้ว"

 

"ส่วนรายละเอียดยุทธศาสตร์ใหม่แม้จะมีทิศทางดีขึ้น แต่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วยังถือว่ายุทธศาสตร์ใหม่นี้ใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ดังนั้น ถ้าไทยจะสร้างความได้เปรียบในการดึงนักลงทุนควรมีกลยุทธ์ด้านเทคนิคมากขึ้น" นายคัง กล่าว

 

ที่มา : มติชน