เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม กกร.เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2557 ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการประเมินถึงภาวะการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในปีนี้

สำหรับการส่งออกยังติดลบอยู่ แต่แนวโน้มอีก 2 เดือนที่เหลือจนถึงสิ้นปี น่าจะดีขึ้น คาดทั้งปีจะขยายตัว 0-0.5% ส่วนการท่องเที่ยวค่อยๆ ดีขึ้น แต่ยังขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจไทยโดยรวมคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่การใช้จ่ายจะคึกคักมากขึ้น คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณ 1-1.5%

"ที่ประชุมมีความเห็นว่า หากต้องการให้เศรษฐกิจค่อยๆ ขยายตัวดีขึ้น และจะทำให้ผู้ลงทุนเกิดความเชื่อมั่น รัฐบาลจะต้องเร่งทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น และพร้อมลงทุน เนื่องจากตอนนี้นักลงทุนพร้อมที่จะลงทุนอยู่แล้ว  เพียงแต่ยังรอความชัดเจนและทิศทางจากรัฐบาลว่าจะเดินไปทางไหน" นายอิสระ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญต่อการส่งออกของไทยขณะนี้ คือการอ่อนค่าของเงินบาท ซึ่งจากการที่เงินบาทของไทยผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งและเพื่อนบ้านของไทยที่ค่าเงินผูกติดกับดอลลาร์เช่นกัน พบว่า เงินบาทอ่อนค่าเพียง 1.69% เท่านั้น ขณะที่คู่แข่งอ่อนค่าประมาณ 3% อีกทั้งการที่ญี่ปุ่นเพิ่มวงเงินในการใช้มาตรการผ่อนปรนเชิงปริมาณ (QE) ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงประมาณ 12-13% ซึ่งผู้ส่งออกที่ส่งออกไปญี่ปุ่นต้องปรับตัวมากขึ้น เพื่อไม่ให้สูญเสียการแข่งขัน

ด้าน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้ประกอบการไทยไม่ได้เปรียบทางการค้าและส่งออก และทำให้การโตแบบ V Shape ที่คาดไว้ ทำไม่ได้ ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

สำหรับกรณีที่กระทรวงการคลังตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในระยะแรกด้วยงบประมาณ 5 หมื่นล้านบาทนั้น มองว่าระยะแรกงบประมาณดังกล่าวเพียงพอต่อความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงและควรให้ความสำคัญคือ รูปแบบการจัดการ และโครงสร้างของกองทุน ที่สำคัญคุณสมบัติของผู้ประกอบการที่จะเข้ากองทุน โดยเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ

ขณะที่ทางด้าน นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู ตัวแทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทยอยากให้มองภาพกว้างขึ้น โดยมองเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนคู่กับอัตราดอกเบี้ยด้วย เพราะสหรัฐส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าจะหยุดใช้มาตรการ QE ทำให้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนอีกตัวที่ผู้ประกอบการส่งออกต้องติดตาม