ECONOMICS

ห่วง "อุตฯยานยนต์-เครื่องใช้ไฟฟ้า-เหล็ก" รับผลกระทบ หลังเปิดเสรี RCEP
POSTED ON 22/09/2557


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - นายอาชนัน เกาะไพบูลย์ คณะวิจัยจากศูนย์บริการวิชาการเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยในการสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษา “โครงการศึกษาเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไทยสำหรับการจัดทำหุ้นส่วนเศรษฐกิจในภูมิภาค (RCEP)” ว่า คณะวิจัยได้ศึกษาและวิเคราะห์อุตสาหกรรมรายสาขา จำนวน 10 อุตสาหกรรม พบว่ามี 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็ก เป็นกลุ่มที่ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับท่าทีการเจรจา ขณะที่อีก 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป สิ่งทอและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ อัญมณี และปิโตรเคมี เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านบวก

 

ทั้งนี้ ในส่วนของยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นสาขาที่ผู้ประกอบการกังวลกับการเปิดเสรี โดยเฉพาะกับจีน เพราะจีนเป็นทั้งคู่แข่งทางการค้าและตลาดที่มีศักยภาพ ขณะที่จีนเองก็กังวลที่จะเปิดเสรีกับไทยเช่นกัน จากการศึกษาพบว่าหากมีการเปิดเสรีในกรอบ RCEP ใน 2 สาขาการผลิตนี้จริง การค้าระหว่างไทยกับจีนจะเกิดขึ้น 2 ทิศทาง คือไทยส่งออกสินค้าไปจีนเพิ่มขึ้น ส่วนจีนก็จะส่งสินค้าเข้ามาขายในไทยได้เพิ่มขึ้น

 

นายอาชนัน กล่าวว่า การเปิดเสรีน่าจะมีส่วนกระตุ้นยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทข้ามชาติจากญี่ปุ่นใน 2 อุตสาหกรรมดังกล่าว ให้ลดการลงทุนในจีน และออกมาลงทุนในประเทศอื่น เพื่อส่งสินค้าเข้าไปขายในจีนแทน เพื่อลดปัญหาการเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรงจากท้องถิ่น

 

ส่วนอุตสาหกรรมเหล็ก ความท้าทายที่สำคัญ คือ ปัญหาการทุ่มตลาด จากปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่จะให้ผลรุนแรงกว่าการเปิดเสรี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาจีนได้เร่งขยายการผลิตอย่างมาก ในขณะที่เศรษฐกิจโลกไม่ได้เติบโตสูง ความต้องการใช้จึงไม่ได้เพิ่มมากขึ้นตามที่คาดการณ์ จึงทำให้มีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่

 

นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิตและราคาเหล็กปลายน้ำ โดยราคาเหล็กต้นน้ำ ซึ่งเป็นต้นทุนจะมีราคาสูงกว่าราคาเหล็กปลายน้ำมาก ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยการผลิตเหล็กไทยแพงกว่าต้นทุนเฉลี่ยในต่างประเทศประมาณ 2 เท่า แต่ที่ผ่านมาได้มีการเปิดเสรีอุตสาหกรรมเหล็กผ่านกรอบ FTA อาเซียน-จีน ไปแล้วจะมีผลบังคับใช้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ดังนั้นผลจากการเปิดตลาดในกรอบ RCEP คงจะมีไม่มาก

 

“การเปิดเสรีในกรอบ RCEP ผลที่ได้รับจะไม่เหมือนการเปิดเสรีในกรอบอื่นๆ เนื่องจากเป็น FTA ที่ซ้อน FTA เดิมอยู่แล้ว ดังนั้นประโยชน์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อสาขาที่ยังไม่มีการเปิดเสรีในกรอบก่อนหน้า ได้มาเปิดเสรีในกรอบนี้ รวมทั้ง RCEP จะทำให้เกิดกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่ และช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการตลาด ผลที่ได้จึงจะไม่ใช่การทำให้การค้าเติบโต แต่จะช่วยสร้างบรรยากาศการค้าที่ดีขึ้น” นายอาชนัน กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงของการเปิดเสรี RCEP ได้แก่ ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มสมาชิก รวมทั้งความคืบหน้าในการเจรจาการเปิดเสรี RCEP เนื่องจากก่อนหน้านี้จีนได้เร่งให้มีการเปิดกรอบ RCEP เพราะจีนกลัวจะตกขบวน หากมีความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) แต่เมื่อ TPP เริ่มแผ่วลง จึงไม่มีบรรยากาศที่จะเร่งการเจรจา RCEP