เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค.2557 มีการยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ 5,204 ราย ลดลง 388 ราย คิดเป็น 7% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.2557 ซึ่งมีจำนวน 5,592 ราย และลดลง 1,126 ราย คิดเป็น 18% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค.2556 ซึ่งมีจำนวน 6,330 ราย เนื่องจากการจดทะเบียนธุรกิจวิทยุโทรทัศน์มีน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 396 ราย รวมทั้งธุรกิจค้าสลากจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพียง 11 ราย น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 317 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่รวม 27,613 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ในเดือน ส.ค.2557 ลดลง แต่มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 27,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 62% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.2557 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10,538 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในระยะยาวเริ่มกลับมาส่งผลให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น จะทำให้การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทในปีนี้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 60,000 - 65,000 ราย

สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกกิจการทั่วประเทศในเดือน ส.ค.2557 มีจำนวน 1,236 ราย ลดลง 241 ราย คิดเป็น 16% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.2557 ซึ่งมีจำนวน 1,477 ราย และลดลง 12 ราย คิดเป็น 1% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค.2556 ซึ่งมีจำนวน 1,248 ราย

ด้าน นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้ลงนามความร่วมมือกับองค์การเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและนวัตกรรมภูมิภาคแห่งประเทศญี่ปุ่น (เอสเอ็มอาร์เจ) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและแผนการส่งเสริมเอสเอ็มอี รวมถึงสนับสนุนให้เอสเอ็มอีไทยแข็งแกร่งขึ้น มีรายได้เติบโตขึ้น 5-10% ในปี 2558

ปัจจุบันไทยมีเอสเอ็มอี 2.72 ล้านราย หรือ 98.5% ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด สร้างรายได้ปีละ 1.76 ล้านล้านบาท

นายฮิโรชิ ทากาดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสเอ็มอาร์เจ กล่าวว่า ญี่ปุ่นมีนโยบายผลักดันให้เอสเอ็มอีกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แปรรูปอาหาร ออกไปลงทุนต่างประเทศอีก 1 หมื่นราย ภายใน 5 ปี (2557-2561) ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสนใจลงทุนในกลุ่มอาเซียนมากสุด 50-60%