ECONOMICS

สรท. แนะ เอกชนต้องร่วมมือและช่วยเหลือกันเอง ช่วงสุญญากาศภาครัฐ
POSTED ON 13/03/2557


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2557 ว่าจะมีการเติบโต 2% และภายใน 6 เดือนแรกจะยังไม่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งจะส่งผลทำให้การบริโภคภายในประเทศชะลอตัว รวมไปถึงการลงทุนของผู้ประกอบการด้านต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ต้องชะลอตัว และการส่งออกในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 5%

 

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ได้ออกมาระบุอย่างชัดเจนว่า การส่งออกไทยเดือนมกราคม 2557 มีมูลค่า 17,907 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.98% แม้ตัวเลขการส่งออกในเดือนมกราคม 2557 จะติดลบ แต่ไม่เป็นผลมาจากสถานการณ์การเมือง เพราะยอดการส่งออกเดือนมกราคม 2557 ยังคงสูงกว่ามูลค่าการส่งออกเดือนมกราคมเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 16,311 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมองว่าการส่งออกยังขยายตัวได้ ทำให้เชื่อว่าไตรมาสแรกนี้จะยังไม่ถูกกระทบจากปัญหาทางการเมืองส่วนหนึ่ง เพราะคู่ค้าได้มีคำสั่งซื้อเข้ามาล่วงหน้าแล้ว และมีการจัดการภายในประเทศที่แข็งแกร่ง

 

แต่ก็ยังมีความกังวลจากเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยง 3 ด้านพร้อมกัน คือ ความสามารถการแข่งขันที่ลดลงจากปัญหาและนโยบายภาครัฐในช่วงเวลาที่ผ่านมา และไม่ได้รับการแก้ไขทั้งต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น ขาดแคลนแรงงาน การใช้นโยบายรัฐเข้ามาแทรกแซงกลไกตลาดในสินค้าเกษตร การเมืองทำสุญญากาศของภาครัฐอย่างน้อย 6 เดือน ส่งผลต่อการลงทุนโดยเฉพาะตอนนี้ที่ไม่มีบอร์ดบีโอไออนุมัติการลงทุน ซึ่งถ้ายาวไปจะทำให้ไทยขาดการลงทุนที่เป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ที่ยิ่งจะทำให้ไทยไม่มีการพัฒนากลายเป็นประเทศที่ไม่น่าลงทุนอีกต่อไป

 

นายนพพร กล่าวเพิ่มเติมว่า "สถานการณ์ที่รัฐอยู่ในภาวะสุญญากาศ เอกชนต้องรวมตัวกันและช่วยเหลือกันเอง โดยเฉพาะธุรกิจใหญ่ต้องช่วยรายเล็ก เอกชนก็ต้องปฏิรูปสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ จะทำอะไรเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้เราเจอความเสี่ยงพร้อมกัน 3 เด้ง ซึ่งเชื่อว่าเอกชนจะทำได้ เป็นกำลังหลักของการส่งออกและเศรษฐกิจ"

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการสภาผู้ส่งออกประเมินว่า จากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นมานานกว่า 3 เดือน ไม่มีกระทบต่อการส่งออกเดือนธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา และต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากผู้ส่งออกได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้าไว้แล้ว และแม้ว่าการดำเนินการขอเอกสารของทางราชการ และการขนส่งติดขัดในบางช่วงเวลา แต่การส่งออกยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากกระบวนการจัดการในประเทศมีความแข็งแกร่ง และไทยผ่านวิกฤติการเมืองมาแล้วหลายครั้ง

 

"มั่นใจการส่งออกตลอดปี 2557 นี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5% บนพื้นฐานเศรษฐกิจโลก ขยายตัว 3.5% และเงินบาทอ่อนค่าที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  และอาจอ่อนค่าลงไปแตะ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งออก และเชื่อว่าสัดส่วนการส่งออกที่มีถึง 70% ของจีดีพี จะช่วยผลักดันให้จีดีพีของไทยปีนี้ขยายตัวที่ 2-3% ได้" นายนพพร กล่าวย้ำ  

 

จากการประเมินการส่งออกในครั้งนี้ยังไม่รวมปัจจัยความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะยังมีปัญหาเรื่องการปลดคนงานของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ รวมถึงปัญหาเพดานหนี้ที่อยู่ในระดับสูง จนอาจทำให้เกิดปัญหาชัตดาวน์อีกรอบ รวมถึงการทยอยลดเงินอัดฉีดในระบบเศรษฐกิจ หรือคิวอี ทำให้สภาพคล่องในโลกลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศเกิดใหม่ที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจอ่อนแอ เช่น บราซิล อาร์เจนตินา ก่อนที่จะลุกลามออกไป อีกทั้งต้องจับตาภัยธรรมชาติในสหรัฐฯ และจีน

 

"เอกชนไม่หวังพึ่งภาครัฐ เพราะเชื่อว่าจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง จากการเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์ และกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ประมาณไตรมาส 3-4 ของปีนี้ นอกจากนี้ ภาคเอกชนจะจัดทีมไปเจรจากับทางสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อเตรียมการด้านการค้าการลงทุน ก่อนที่ไทยจะจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-อียู เพราะเมื่อมีรัฐบาลใหม่จะเดินหน้าได้ทันที" นายนพพร กล่าว

 

ตัวเลขการส่งออกในเดือนธันวาคม 2556 ที่ผ่านมานั้น มีมูลค่า 18,439.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.87% ภาพรวมส่งออกตลอดปี 2556 มีมูลค่ารวม 228,529.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 0.31%

 

ด้าน นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน สรท. กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้กระทบต่อการส่งออกสินค้าทางอากาศ เนื่องจากอัตรานักท่องเที่ยวเข้ามาไทยลดลง ทำให้จำนวนเครื่องบินเข้ามาไทยลดลง ส่งผลต่อเนื่องให้ค่าระวางการขนส่งปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้มีการเรียกเก็บค่าความเสี่ยงในการขนส่ง เพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง และยังส่งผลต่อความมั่นใจของผู้ซื้อต่างชาติ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินโดยเร็ว

 

ส่วนการส่งออกระยะสั้นคงจะได้รับผลกระทบไม่มาก แต่จะส่งผลกระทบระยะยาว โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์และได้รับการตรวจสอบจากต่างชาติ เพราะว่าคู่ค้าต่างชาติลดการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้อก็อาจจะย้ายไปซื้อจากประเทศอื่นได้

 

"การที่ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ภายใน 6 เดือน อาจส่งผลต่อการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-สหภาพยุโรปหยุดชะงักคาดว่าจะล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้กว่า 1 ปี จะทำให้ไทยมีต้นทุนสินค้าที่เสียเปรียบประเทศคู่แข่ง เนื่องจากไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี (จีเอสพี) โดยในปี 2557 นี้ถูกตัดไป 50 รายการ และในปีหน้าจะถูกตัดทั้งหมด 723 รายการ

 

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ สภาผู้ส่งออกฯ จึงจัดทำแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการเร่งด่วนสำหรับปี 2557 ทั้งในรูปแบบของการสร้างความเข้าใจสถานการณ์ในประเทศต่อสถานทูตในไทย การสร้างกลไกติดตาม รวบรวมข้อมูลและเสนอแนะแนวทางการเจรจาการค้าเสรีให้มีความต่อเนื่อง การเร่งรัดพัฒนาการค้าและขนส่งสินค้าข้ามแดน การเร่งลดอุปสรรคทางการค้า รวมทั้งหารือและทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มีการผ่อนคลายทางการเงิน โดยเฉพาะการพิจารณาให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งทางสภาผู้ส่งออกฯ ได้หารือและนำเสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาการส่งออกต่อไป

 

ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยังไม่ยืดเยื้อ ก็มีผลกระทบต่อการลงทุนจะทำให้การส่งออกชะลอตัวลง รวมถึงแนวทางการเจรจาการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ และสิทธิพิเศษทางการค้า หรือจีเอสพี ที่ส่งผลให้ไทยเสียโอกาสด้านการค้าชายแดน ซึ่งนักลงทุนได้ตัดสินใจย้ายไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และเมียนมาร์