ECONOMICS

ไทยหลุดตำแหน่งผู้นำอาเซียนแน่ หากการเมืองลากยาวถึงปีหน้า
POSTED ON 05/03/2557


เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - นายอัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ปี 2557 จะเป็นปีที่ GDP ของประเทศไทยต่ำที่สุดในอาเซียน อยู่ที่ระดับน้อยกว่าประมาณ 3% จากปัจจัยการเมืองเป็นหลัก และจากศักยภาพการแข่งขันของประเทศถดถอย โดยจะส่งผลให้เม็ดเงินหายไปประมาณ 3 แสนล้านบาท

 

และหากปัญหาการเมืองยืดเยื้อไปถึงไตรมาสที่ 2 จะส่งผลต่อเม็ดเงินโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ที่จะชะลอการเข้ามาในไทยที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท และจะกระจายไปยังอินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารทะเลและแปรรูป เสื้อผ้า อสังหาริมทรัพย์ การค้าส่งค้าปลีก เป็นต้น

 

นายอัทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาทางการเมืองได้คลี่คลายลงไปในระดับหนึ่ง จากการคืนพื้นที่บริเวณย่านธุรกิจของ กปปส. แต่ทั้งนี้ จุดยืนทางการเมืองของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ยังไม่ตรงกัน อาจจะส่งผลให้การเมืองยืดเยื้อไปถึงไตรมาสที่ 2 และ 3 ได้ โดยหากในปี 2558 ยังไม่สามารถหาทางออกทางการเมืองได้ จะส่งผลต่อโอกาสของประเทศไทยที่ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางอาเซียน เนื่องจาก GDP ของไทย ที่อยู่ต่ำกว่าระดับอาเซียน ที่ประมาณ 6-7% โดยสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีศักยภาพที่จะขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอาเซียนได้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย หากสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง มีสิทธิ์ที่จะเป็นศูนย์กลางอาเซียนสูง จากปัจจัยของสภาพแรงงานและทรัพยากรที่มีจำนวนมาก รวมทั้งกำลังซื้อในประเทศที่สูง

 

นอกจากนี้ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น สิ่งแรกที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนไทยและต่างชาติ รวมถึงผู้นำเข้าจากต่างประเทศ ให้มีความมั่นใจสินค้าไทย

 

ด้าน นายโยชิฮิโร โอซึจิ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนโยบายศึกษาแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น (GRIPS) กล่าวว่า นักลงทุน ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในเอเชียอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียมีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมกับการพัฒนาประเทศที่ดียิ่งขึ้น จนถึงขณะนี้นักลงทุนญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกให้ดียิ่งขึ้น พร้อมลดต้นทุนด้านต่างๆ ลง อีกทั้งเดินหน้าด้านการวิจัยและพัฒนาและศึกษาการตลาดในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น สำหรับตลาดที่น่าสนใจในขณะนี้ คือ ประเทศอินโดนีเซีย เพราะมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรักษาความได้เปรียบที่มีอยู่