BUSINESS

"เอเชียกรีน" เล็งลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล คาดดันรายได้ทะลุ 2 พันล้านบาท
POSTED ON 18/02/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือเอจีอี  ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จัดตั้งบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ "เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง" โดยเอจีอีถือหุ้น 100% เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศนั้น บริษัทฯ จึงเตรียมแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2557-2561) ไว้ในการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ตั้งเป้าอยู่ที่ 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6-7 พันล้านบาท

 

ทั้งนี้ การเข้ามาลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็นธุรกิจที่ครอบครัวเคยทำมาก่อนหน้านี้ แต่จะขยายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน จากปัจจุบันที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากการดำเนินธุรกิจถ่านหินเป็นหลัก โดยในปี 2557 บริษัทฯ จะลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังผลิต 2 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพอีก 1 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตรวม 3 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 170 ล้านบาท จะแล้วเสร็จและขายไฟฟ้าเข้าระบบได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2558 คาดว่าจะสร้างรายได้ 60-70 ล้านบาทต่อปี

 

ขณะเดียวกัน ยังเตรียมขยายโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 ที่จังหวัดพิจิตร อีก 9 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 700 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถขายไฟฟ้าเข้าระบบภายในปี 2559 ซึ่งแผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เพื่อให้ครบ 100 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเป็นไปตามแผน หรือภายใน 5 ปีนี้ บริษัทฯ จะมีโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 10 แห่ง กำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์ ก็จะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ เพิ่มอีก 2 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าเป็น 20-30% ของรายได้รวมทั้งหมด เทียบกับปัจจุบันที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายถ่านหิน

 

บริษัทฯ มีแผนเพิ่มรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้จะเดินหน้าให้ครบ 3 เฟส ซึ่งการทำโรงไฟฟ้าขนาด 9 เมกะวัตต์ ไม่ต้องทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ แต่ต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งต้องดูปริมาณเชื้อเพลิงด้วย คาดว่าบริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า 250 ล้านบาทต่อแห่ง หากมีโรงไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ ก็จะมีรายได้กว่า 2 พันล้านบาทต่อปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า เมื่อรวมรายได้จากธุรกิจถ่านหินด้วยแล้วจะทำให้ในปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

 

นายพนมกล่าวว่า สำหรับแผนดำเนินงานธุรกิจถ่านหินในปี 2557 บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณยอดขายถ่านหินไว้ที่ระดับ 4 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดขายในต่างประเทศ 2 ล้านตัน และในประเทศอีก 2 ล้านตัน เทียบกับปีที่แล้วที่มียอดขายถ่านหินรวมอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน แบ่งเป็นในประเทศ 1.5 ล้านตัน และต่างประเทศอีก 1 ล้านตัน โดยปีนี้บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน เนื่องจากมีปริมาณความต้องการถ่านหินที่เพิ่มมากขึ้นจากการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ ให้เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากยอดขายทั้งหมด จากปี 2556 ที่มีสัดส่วนประมาณ 30% จากยอดขายทั้งหมด

 

ส่วนภาพรวมการใช้ถ่านหินของภาคอุตสาหกรรมในประเทศปีนี้ ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบทางการเมือง แต่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้น่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนว่าจะปรับตัวลดลงหรือไม่ จากความต้องการใช้รวมอยู่ที่ 16-17 ล้านตันต่อปี ทรงตัวต่อเนื่องมาหลายปี ส่วนใหญ่ถูกนำมาเป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าวยังมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถส่งออกไปได้ รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารด้วยเช่นกัน เพราะได้ผลดีจากเงินบาทที่อ่อนตัวลง

 

ดังนั้น แม้ว่าภาพการผลิตโดยรวมของภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว แต่ก็ยังมีบางอุตสาหกรรมที่ยังเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อส่งออก ทำให้ภาพรวมความต้องการใช้ถ่านหินในประเทศยังทรงตัวหรือลดลงจากปีก่อนไม่มากนัก