BUSINESS

"โคมัตสุ" เผย ตลาดเครื่องจักรกลหนักซบเซา เร่งปรับแผนหารายได้จากส่วนอื่น
POSTED ON 12/02/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายประณิธาน พรประภา รองผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกโคมัตสุเซลส์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องจักรกลยี่ห้อหนัก "โคมัตสุ" เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอุตสาหกรรมเครื่องจักรหนักในปีที่ผ่านมามีจำนวน 4 พันคัน ลดลงจากปีก่อนหน้า ขณะที่ในปีนี้ตลาดจะหดตัวลงมาที่ 3.5 พันคัน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว อย่างไรก็ตามบริษัทมีการปรับแผนงานเพื่อจะหารายได้จากส่วนอื่นที่ไม่ใช่การขาย

 

สำหรับแผนงานดังกล่าวจะเน้นหนักไปที่การปรับปรุงสาขาเล็กให้เป็นศูนย์บริการหลังการขาย คาดว่าแต่ละแห่งจะใช้งบประมาณ 100 ล้านบาทต่อสาขา โดยปัจจุบันโคมัตสุมีศูนย์บริการจำนวนกว่า 22 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่แผนงานขยายสาขาใหม่นั้นจะเป็นแผนงานขั้นต่อไปในอนาคต

 

"สินค้าของเราจะขายพร้อมบริการ โดยมีการรับประกัน 3 ปี 7 พันชั่วโมง ดังนั้นเราต้องเตรียมความพร้อมในการบริการหลังการขายให้กับลูกค้าผู้ใช้รถ โดยเราจะทำการปรับปรุงสาขาเล็กให้กลายเป็นศูนย์บริการครบวงจร ซึ่งได้ทยอยปรับปรุงแล้ว คาดว่าปีนี้จะทำอีกประมาณ 10 แห่ง นอกจากนั้นแล้วเรายังทำการย้ายสำนักงานขาย บริการ และอะไหล่ บนเนื้อที่ 44,696 ตารางเมตร ย่านบางเสาธง สมุทรปราการเพื่อรองรับการเติบโต" นายประณิธาน กล่าว

 

ด้านแผนการขายในอนาคต คาดว่าจะมีการสนับสนุนการซื้อขายเครื่องจักรประกอบการทำเหมืองที่มีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ส่วนก่อนหน้านั้นบริษัทฯ ได้ลงนามซื้อขายเครื่องจักรกลหนักโคมัตสุ รถบรรทุกสำหรับงานเหมืองจำนวน 22 คัน มูลค่ากว่า 500 ล้านบาทให้กับ บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทคนไทยที่ดำเนินโครงการมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เป็นผู้รับเหมาเปิดหน้าดินเหมืองลิกไนต์ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง

 

นายประณิธาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้มีการวางเป้าหมายส่วนแบ่งทางการตลาด 25% ส่วนผลการดำเนินงานตั้งไว้ที่ 750-760 คัน ลดลง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนรายได้คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 5 พันล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากการขายรถประมาณ 4 พันล้านบาท และอีก 1 พันล้านบาทเป็นรายได้จากงานบริการ อาทิ งานซ่อม,ค่าอะไหล่,ค่าแรง

 

ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2556 พบว่า มีส่วนแบ่งทางการตลาด 23% และมียอดขายเครื่องจักรรวม จาก 5 กลุ่มสินค้า รถขุดไฮดรอลิก รถตัก รถตักดิน รถเกลี่ย และรถบรรทุกเทท้าย รวมทั้งสิ้น 928 คัน คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านบาท และมียอดการจำหน่ายรถเก่า งานซ่อม บริการหลังการขาย อีก 1,200 ล้านบาท รวมปีที่ผ่านมามีรายได้ที่ 5.2 พันล้านบาท

 

"ยอดขายรถใหม่ที่ตั้งเป้าหมายลดลง เป็นผลมาจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ภาพรวมมีการเติบโต แต่ตอนนี้ตลาดเริ่มกลับมาเป็นปกติซึ่งเราก็ประเมินว่าตลาดก็ต้องมีขึ้นมีลง แต่เราจะเน้นปรับส่วนแบ่งทางการตลาดให้เพิ่มสูงขึ้น" นายประณิธาน กล่าว