สหมิตรถังแก๊ส (SMPC) รับชะลอการเจรจาการลงทุนในต่างประเทศออกไปก่อน รอสถานการณ์โควิด-19 กลับสู่ภาวะปกติ ย้ำตอนนี้ต้องรักษาสภาพคล่องทางการเงินให้รัดกุม ส่วนผลกระทบจากไวรัสมีเพียงเล็กน้อย จากการขนส่งสินค้าให้ลูกค้าในแต่ละประเทศเท่านั้น ขณะที่ มีสัญญาณบวกจากลูกค้าเก่ากลับมาสั่งซื้อใหม่ หนุนแผนธุรกิจทั้งปีเติบโตตามเป้า 30% จากปีก่อนหน้าแน่นอน

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่กระจายทั่วโลกอยู่ขณะนี้ ทางบริษัทฯ ได้พิจารณาชะลอการเจรจาการลงทุนในต่างประเทศออกไปก่อน โดยโรงงานนี้ถือเป็นการเข้าลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ กำลังการผลิต 2.5 ล้านใบต่อปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างแผนการจัดหาที่ดินที่เหมาะสม และแผนงานส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง

“เรายอมรับว่า แผนการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศในตอนนี้ บริษัทฯ ขอประเมินความเสี่ยงการเข้าลงทุนในช่วงนี้อย่างรัดกุมก่อน หากสถานการณ์ไวรัสคลี่คลาย ค่อยหารือประเมินความเสี่ยงกันอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เรามองว่าการรักษาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทฯ น่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” นายสุรศักดิ์ กล่าว

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นั้น ยังยืนยันว่าบริษัทได้รับผลประทบเพียงเล็กน้อยในเรื่องของการขนส่งสินค้า ซึ่งมีความล่าช้าจากการปิดในบางประเทศเพื่อเฝ้าระวังการแพร่กระจายในวงกว้าง ทำให้การขนส่งต้องใช้เวลานานขึ้น แต่โดยรวมยังสามารถส่งออเดอร์ลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา อีกทั้งตอนนี้คนทั่วโลกต้องกักตัวอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้แก๊สของแต่ละครอบครัวก็เพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นต่อการบริโภคในชีวิตประจำวันประกอบกับราคาแก๊สที่ถูกลง ทำให้ความต้องการถังแก๊ส เพื่อหมุนเวียนในตลาดมีมากขึ้น

นอกจากนี้ตั้งแต่ปลายปี 2019 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากตลาดในเอเชียใต้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตถังแก๊สที่ 10 ล้านใบต่อปี จึงมั่นใจแผนธุรกิจในปี 2563 นี้ บริษัทฯ ยังยืนยันตั้งเป้าหมายเติบโตราว 30% จากปีก่อนหน้า