BUSINESS

ศรีไทยฯ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โตกว่า 11% หันมารุกตลาดอาเซียนมากขึ้น
POSTED ON 20/01/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขาย 1.05 หมื่นล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 11% แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศจะดูแย่ แต่เศรษฐกิจโลกโดยรวมดี ทำให้บริษัทหันมาเน้นการทำตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองในไทย

      

โดยปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าส่งออกทั้งหมดมีสัดส่วน 30% ของยอดขายจากปีก่อนที่ส่งออกมีสัดส่วนเพียง 25% โดยบริษัทฯ หันมารุกตลาดอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ส่วนตลาดในประเทศยอดขายในปีนี้คงไม่เติบโตหรืออาจชะลอไปบ้าง

      

“ยอมรับว่าปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร ทำให้กำลังซื้อของใช้ในครัวเรือน เช่น ผลิตภัณฑ์เมลามีน เก้าอี้พลาสติก ฯลฯ ในปีนี้ลดลง 15% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ได้แรงกระตุ้นจากภาครัฐ แต่ถ้าเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ บรรจุภัณฑ์พลาสติก ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกในประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีการค้าชายแดนที่ช่วยเพิ่มยอดขาย นอกเหนือจากการส่งออกไปยังตลาดกัมพูชา ลาว”

      

สำหรับผลดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทฯ มียอดขายประมาณ 9.5 พันล้านบาท ต่ำกว่า 3% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9.8 พันล้านบาท แต่ก็สูงกว่างวดปี 2555 สาเหตุที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายนั้น สืบเนื่องจากเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3 ชะลอตัว และปัญหาทางการเมืองในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2556 ทำให้โปรเจกต์ของลูกค้าชะลอออกไป ส่วนกำไรสุทธิในปี 2556 จะต่ำกว่าปี 2555 เนื่องจากราคาวัตถุดิบและอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนทำให้กระทบต่อการส่งออกพอสมควร

      

นายสนั่นกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.4 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ใช้งบลงทุนจริง 1 พันล้านบาท โดยแบ่งงบลงทุนเป็น ในประเทศ เน้นขยายกำลังผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่มและลังพลาสติก 800 ล้านบาท และในต่างประเทศอีก 600 ล้านบาท โดยจะลงทุนเพิ่มเติมที่เวียดนามตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก ใช้เงินลงทุน 160 ล้านบาท อินเดียตั้งโรงงานผลิตเมลามีน ใช้เงินลงทุน 190 ล้านบาท ส่วนอินโดนีเซียนั้นอยู่ระหว่างการสรุปหาพันธมิตรท้องถิ่นตั้งโรงงานผลิตขวดเพต และฝาขวด คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาท

               

ส่วนการลงทุนในเมียนมาร์นั้น ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่มีนโยบายการลงทุนแต่อย่างใด แม้ว่าขณะนี้ตลาดเมียนมาร์เติบโตอย่างมาก แต่ยังมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ราคาที่ดินที่สูงมากและระบบสาธารณูปโภคที่ไม่พร้อม ดังนั้นบริษัทฯ จะเน้นส่งสินค้าไปจำหน่ายทั้งผลิตภัณฑ์พลาสติก และเมลามีนแทน

      

โครงการเปิดแฟกตอรีเอาต์เลตบริเวณถนนราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ใกล้ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ และจัดผู้จัดการที่มีความรู้ความชำนาญด้านสโตร์มาดูแล ซึ่งจะเป็นการให้บริการลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างครบถ้วนในที่เดียว คาดว่าจะเปิดให้บริการในปีนี้ โดยรูปแบบโมเดลธุรกิจจะค่อยๆ ปรับเข้าไปใกล้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการเน้นสร้าง Value Chain มากกว่าเน้นการสร้าง Supply Chain