BUSINESS

พีเอฟพี ทุ่ม 500 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ใกล้กรุงเทพฯ
POSTED ON 20/01/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานบริหารกลุ่ม บริษัท พี.เอฟ.พี. เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารพร้อมปรุง "พีเอฟพี" เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนลงทุนใหญ่สำหรับการสร้างโรงงานแห่งใหม่ โดยมองทำเลใกล้กรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ อาทิ ความสะดวกในการขนส่ง เนื่องจากใกล้แหล่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต รวมถึงด้านบุคลากรมองว่าการมีทำเลใกล้กรุงเทพฯ จะเอื้อในเรื่องการหาบุคลากร ที่มีคุณภาพง่ายขึ้น โดยมองหาพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ตั้งเป้างบลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มพิจารณาเรื่องที่ตั้งและดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีหน้า เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต เนื่องจากโรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลาสามารถรองรับได้อีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า

 

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนส่วนต่อขยายในที่ดินของบริษัทที่พิษณุโลก ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งสิ้น 10 ไร่ ใช้ไปเพียง 2 ไร่ เป็นห้องเย็น คลังสินค้า โดยอนาคตอาจขยายเป็นโรงงานเพราะเล็งเห็นโอกาสมากขึ้นในการใช้โรงงานแห่งนี้ รุกเข้าไปยังเชียงราย เขตสิบสองปันนา และคุนหมิงของจีน อีกทั้งยังเดินหน้าลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัยขึ้น ใช้งบลงทุนหลัก 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนประจำทุกปี

 

ปัจจุบัน ธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ในประเทศและต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 60 : 40 ตามลำดับ ภาพรวมปีที่ผ่านมาเติบโต 12% โดยตลาดในประเทศถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ต่างประเทศได้รับผลกระทบบ้างในช่วงต้นปี 2556 จากค่าบาทที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15% โดยเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงขณะนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการส่งออก แต่เนื่องจากบริษัทฯ มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาผลิตด้วย ดังนั้น เมื่อหักลบกันแล้วถือว่าเท่าตัว

 

นายทวีกล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มค่าบาทที่อ่อนค่าลง บวกกับสถานการณ์กุ้งของบริษัทเริ่มดีขึ้น โดยมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60-70% จากปีก่อนอยู่ที่ 50% ซึ่งหายไปครึ่งหนึ่งจากโรคตายด่วน (EMS) ขณะนี้เริ่มแก้ปัญหาได้แล้วก็จะทำให้ตัวเลขการส่งออกของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นปี นี้ สำหรับในประเทศเชื่อว่าจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นขณะนี้ บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องบริโภค

 

"พี เอฟ พี" เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักมาได้ 10 ปีแล้ว และปีนี้ก็เชื่อว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ตลาดส่งออกก็มีการขยายตลาดมากขึ้น บุคลากรก็พร้อมมากขึ้นด้วย ส่วนในประเทศก็จะมีการเพิ่มช่องทางใหม่ๆ โอกาสจากการค้าขายชายแดนเพิ่มขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านมีรายได้สูงขึ้น" นายทวี กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมองถึงโอกาสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 โดยอยู่ระหว่างศึกษาโมเดลที่จะเข้าไปลงทุนในอาเซียน เน้นที่การหาพันธมิตรท้องถิ่น คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนในปีหน้า เพื่อรองรับโอกาสที่ขยายตัว

 

สำหรับตลาดในประเทศปีนี้ จะเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มสินค้าที่บริษัทจะเน้นมากขึ้นในปีนี้ คือ กลุ่มอาหารพร้อมทานตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าในกลุ่มนี้อยู่แล้ว แต่จะโฟกัสเมนูใหม่เพิ่มขึ้น

 

ส่วนแผนขยายธุรกิจ "พีเอฟพี ฟู้ดส์ ช็อป" ร้านค้าจำหน่ายอาหารญี่ปุ่นและข้าวปั้นที่จะเน้นขยายไปยังตลาดต่าง จังหวัด เจาะกลุ่มรากหญ้าที่เริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในปีนี้จะมีการปรับเพื่อเพิ่มศักยภาพมากขึ้น

 

เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจนี้สูงมาก คู่แข่งมีการกระจายสาขาไปยังต่างจังหวัด รวมถึงค้าปลีกไซซ์เล็กในโมเดลซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นขายของสดก็มีการ บุกรอบนอกมากขึ้น โดยบริษัทฯ จะเน้นปรับสินค้าให้มีความหลากหลาย เพราะมองว่าลำพังสินค้าของบริษัทอาจไม่เพียงพอ ต้องมีของคู่ค้าพันธมิตรรายอื่นๆ ปัจจุบันมีเปิดแล้วกว่า 10 สาขา ยังต่ำกว่าแผนที่วางไว้ว่าจะเปิดได้ 30 สาขา