BUSINESS

ปตท. เผยผลการดำเนินงานปี 2561 สร้างความมั่นคงทางพลังงานเสริมแกร่งโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาโอกาสธุรกิจให
POSTED ON 03/03/2562


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เผยผลการดำเนินงานปี 2561 สร้างความมั่นคงทางพลังงาน ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง เพื่ออนาคตยั่งยืนสริมความแข็งแกร่งโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาโอกาสธุรกิจใหม่ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ควบคู่การดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม สะท้อนรายได้นำส่งรัฐปี 61 กว่า 82,220 ล้านบาท

 

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2561 ขยายตัวชะลอลงเหลือร้อยละ 3.7 โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจยูโรโซนและจีน ความไม่แน่นอนจากปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นน้อยกว่าปีก่อน รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4 ปี 2561 ส่งผลให้ในปี 2561 ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ทั้งในส่วนของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และธุรกิจน้ำมันมีผลประกอบการที่ลดลง สาเหตุหลักมาจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน อีกทั้งธุรกิจปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์และสายโอเลฟินส์ก็มีผลการดำเนินงานลดลงตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่ลดลงโดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2561 แม้ว่าปริมาณขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นจากความต้องการผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ยังอยู่ในระดับสูง

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่ทำให้กำไรของ ปตท. ลดลงจากค่าใช้จ่ายทางภาษีเพิ่มขึ้นตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และการปรับโครงสร้างหน่วยธุรกิจน้ำมัน ในขณะที่การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ครบวงเงินแล้ว

อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น กลับมีปัจจัยเชิงบวกที่ทำให้ผลประกอบการดีขึ้น โดยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากราคาและปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งในส่วนที่ ปตท. ดำเนินการเองและดำเนินการโดยบริษัทในกลุ่ม และธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีผลการดำเนินงานดีขึ้นทั้งจากกำไรขั้นต้นต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น

นอกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ปตท. ยังเน้นการเพิ่มมูลค่าให้วัตถุดิบปิโตรเลียมขั้นต้น โดยนำไปผลิต ปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน พัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นสูง (Specialty & Engineering Plastics) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่าง Bio chemical อีกทั้งธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ยังเป็นไปเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ผ่านการจัดหาพลังงานตามความต้องการของประเทศ สร้างเครือข่าย ขยายการค้าให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก และพัฒนาระบบบริหารการค้าระหว่างประเทศ หรือ CTRM (Commodity Trading and Risk Management System) ให้พร้อมรับการขยายตัวทางธุรกิจ มีการควบคุมบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ธุรกิจน้ำมัน มีการแยกโครงสร้างธุรกิจเป็นบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) โดยยังมีการขยายธุรกิจ Oil และ Non-Oil ทั้งในประเทศ ประเทศใน AEC รวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ตามโอกาส

"อย่างไรก็ดี ปตท. ในฐานะองค์กรด้านพลังงานของประเทศ ยังพร้อมสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐ ด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi ให้เป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายชาญศิลป์ กล่าว