BUSINESS

CHOW ไฟเขียวขายโรงไฟฟ้าอีก 5.86 MW รับเงินเข้ากระเป๋าอีก 545 ลบ.มีนาคมนี้
POSTED ON 01/03/2562


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

บอร์ด CHOW ไฟเขียวขายโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นอีก 5.86 MW รับเงินเข้ากระเป๋าอีก 545 ลบ.มีนาคมนี้ ขณะธุรกิจเหล็กปรับกลยุทธ์ใหม่ หันมารับจ้างผลิตให้ลูกค้ารายใหญ่ หนีผลกระทบปัญหาราคาเหล็กผันผวนเชื่อปี 62 กลับมาโชว์ฟอร์มสวยอีกครั้ง

 

นายศุภชัย ยิ้มสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงาน ประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 ว่า ที่ประชุมมีมติ ให้บริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ ดำเนินการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินประเภทโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 5.86 เมกะวัตต์ ให้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ในประเทศญี่ปุ่น และ/หรือ บริษัทลูกของกองทุนฯ ซึ่งไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกับบริษัทฯ และบริษัทย่อย มูลค่าการจำหน่ายหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 1,932.30 ล้านเยน (หรือเทียบเท่า 545 ล้านบาท อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน 0.281969 บาทต่อเยน ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562) การจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นตามแผนธุรกิจว่าด้วยการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนฯ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินทรัพย์เพื่อสร้างผลกำไร เตรียมกระแสเงินสดเพื่อรองรับการลงทุนใหม่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน และ/หรือ ชำระหนี้ และ/หรือ เงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท

 

สำหรับโรงไฟฟ้า 5 โครงการ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้า กิฟุ ขนาด 0.48 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าฟุกุย 7 ขนาด 0.54 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าฟุกุย 1 ขนาด 2.22 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าฟุกุย 5 ขนาด 2.05 เมกะวัตต์ โรงไฟฟฟ้าฟุกุย 6 ขนาด 0.57 เมกะวัตต์ โดยจะได้รับชำระราคาทรัพย์สินในคราวเดียวภายในเดือนมีนาคม 2562

 

นายศุภชัย กล่าวต่อถึงผลประกอบการประจำปี 2561 ว่า บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาเหล็กในตลาดโลกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าธุรกิจโดยรวมของบริษัทฯ จะยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจเหล็กและพลังงาน อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เร่งแก้ปัญหาธุรกิจเหล็กอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจหันมารับจ้างผลิตให้กับลูกค้ารายใหญ่แทนปริมาณปีละ 400,000 ตัน เพื่อลดปัญหาผลกระทบจากทั้งราคาเหล็กและวัตถุดิบผันผวนในปัจจุบัน ซึ่งจะเริ่มส่งมอบสินค้าได้ในเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนั้นยังได้วางแผนปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการพัฒนารูปแบบการจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้ารายใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคต ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมความผันผวนของราคาวัตถุดิบและส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในปีถัดไปได้

ในขณะที่ธุรกิจพลังงานในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2561 บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 โครงการ ขนาด 7.2 เมกะวัตต์ดีซี คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2562 และ ยังมีโครงการอยู่ในระหว่างการพัฒนาอยู่อีก 1 โครงการมีขนาด 12 เมกะวัตต์ดีซี

"ในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ทั้งธุรกิจพลังงานและธุรกิจเหล็กซึ่งหลังจากนี้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าหาลู่ทางในการสร้างรายได้และผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา หลังจากที่ธุรกิจเหล็กได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ให้มีรายได้ที่มั่นคงและลดความเสี่ยงจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะเรื่องความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นผลในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้" นายศุภชัยกล่าว