BUSINESS

P&G ย้ายฐานผลิตจากเวียดนามมาไทย
POSTED ON 25/04/2560


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

นางจุฑาภัทร บุณย์วงศกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ P&G เปิดเผยว่า บริษัทแม่ได้มีนโยบายให้ย้ายฐานการผลิตผลิตภัณฑ์เส้นผม (Hair Care) จากประเทศเวียดนามมารวมกับประเทศไทยเมื่อเดือน ต.ค.2559 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบัน P&G ประเทศไทย สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมได้มากกว่า 10%

 

"บริษัทแม่ของ P&G มองว่า ประเทศไทยมีศักยภาพอย่างมาก เนื่องจากเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯ และฝรั่งเศสเท่านั้น ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยแล้วจะทำให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ให้ได้ภายใน 2-3 ปีนับจากนี้" นางจุฑาภัทร กล่าว

 

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ความงามและผลิตภัณฑ์เส้นผมที่ผลิตจากไทยนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น โดยได้รับการยอมรับว่าเป็น “Japan Products Made in Thailand” ซึ่งปัจจุบันมีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นมากถึง 30% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มประเทศอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ตะวันออกกลาง และประเทศอื่น ๆ ส่งผลให้ P&G ในประเทศไทยครองอันดับ 1 ในการเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านความงาม หรือประมาณ 25% ของภาพรวม

 

ทั้งนี้ P&G ตั้งโรงงานในไทยมาแล้วกว่า 21 ปี มีประสิทธิภาพการผลิต 95% ซึ่งเป็นการผลิตและส่งออกสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ อาทิ แพนทีน, เฮดแอนด์โชว์เดอร์, รีจอยซ์, แคล์รอล เฮอร์บัล เอสเซ้นส์, วิดัล แซสซูน, โอเลย์ เป็นต้น โดยเกือบ 30% เป็นสินค้าที่จำหน่ายภายในประเทศ และอีก 70% เป็นสินค้าที่ส่งออกไปจำหน่ายกว่า 20 ประเทศทั่วโลก

 

โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา P&G ได้ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยงบประมาณที่สูงเทียบเท่ากับการเปิดโรงงานใหม่ 1 แห่ง โดยเน้นการลงทุนด้านนวัตกรรมในการผลิตและเทคโนโลยีเพื่อการประหยัดทรัพยากรอย่างน้ำและไฟฟ้า รวมถึงการลดของเสียและป้องกันปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

 

ปัจจุบัน P&G ประเทศไทย สามารถลดต้นทุนด้านต่าง ๆ ได้กว่า 30% ถือเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ทั้งยังมีของเสียในกระบวนการผลิตไม่เกิน 2% โดยสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าลงมากกว่า 37% ลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตได้กว่า 36% และสามารถลดขยะได้มากถึง 31% โดยขยะของเสียเหล่านั้นกว่า 150 ตัน ได้ผ่านกระบวนการ 3R คือ Reduce, Reuse และ Recycle อีกทั้งในอนาคตโรงงาน P&G ประเทศไทย จะนำพลังงานชีวมวล (Biomass Project) มาใช้เป็นพลังงานหมุนเวียนทดแทนการใช้น้ำมันอีกด้วย