Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2560 ที่ผ่านมา คณะกรรมการของบริษัทฯมีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเอกชนที่ดำเนินธุรกิจสายโพรพิลีน สายเคมีภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับ PTTGC จาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 บริษัท คิดเป็นมูลค่า 26,300 ล้านบาท โดยการเข้าธุรกิจดังกล่าวจะช่วยให้ PTTGC ดำเนินธุรกิจได้คล่องตัวขึ้น ทั้งยังช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงาน สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และต่อยอดธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ปลายน้ำได้เป็นอย่างดี

การซื้อหุ้นครั้งนี้จะเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย.2560 นี้ หากได้รับการเห็นชอบจะดำเนินการซื้อขายหุ้นได้ภายใน ต.ค.2560 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีกำไร 2,400 ล้านบาท หรือประมาณ 11% ของกำไรในปี 2559

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2559 นั้น PTTGC มีกำไรสุทธิ 25,602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2558 ปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี วงเงิน 1.5 แสนล้านบาทนั้น ในปีนี้บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อธุรกิจปิโตรเคมีของกลุ่ม ปตท. และลงทุนโครงการผลิตเม็ดพลาสติกเพิ่มเติม ขณะที่โครงการอื่น ๆ อย่างเช่น โครงการมาตาพุด เรโทรฟิต (Map Ta Phut Retrofit) ที่จะก่อสร้างโรงงานแนฟทาแครกเกอร์ (Naphtha Cracker) เพื่อผลิตเอทิลีน 500,000 ตันต่อปี และโพรพิลีน 261,000 ตันต่อปี คาดว่าจะก่อสร้างในปี 2561 และจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2563 ส่วนโครงการ PO/Polyol :7j’เป็นการลงทุนโพลียูรีเทนครบวงจรนั้น คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562

ส่วนแผนการลงทุนปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่สหรัฐฯ ขณะนี้ยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ โดยคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้