BUSINESS

SCG ชี้ ตลาดปูนในอาเซียนโต 3-43% แต่ในไทยยังซบเซา
POSTED ON 09/11/2558


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี เปิดเผยว่า ประมาณการณ์รายได้ปี 2558 คาดว่าทำได้ 4.4 แสนล้านบาท ต่ำลงจากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 4.8-4.9 แสนล้านบาท เนื่องจากรายได้กลุ่มซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและกลุ่มเคมิคอลลดลง ทำให้รายได้จากการขายสะสม 9 เดือนของเอสซีจีมี 3.34 แสนล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เฉพาะไตรมาส 3/2558 มีรายได้ 1.1 แสนล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้า

 

โดยกลุ่มเอสซีจีซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รายได้สะสม 9 เดือน มี 1.36 แสนล้านบาท ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดซีเมนต์ภายในประเทศฟื้นตัวช้า ปัจจุบันตลาด ณ สิ้นไตรมาส 3/2558 เติบโตติดลบ 1% โดยเฉพาะกลุ่มที่พักอาศัยเติบโตติดลบ 7%

 

นายกานต์ ชี้ว่า "อยากให้โฟกัสที่กำไรของบริษัท สิ้นไตรมาส 3/2558 มีกำไรสะสม 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน ซึ่งมากกว่ากำไรตลอดปี 2557 ที่มี 3.36 หมื่นล้านบาทแล้ว ดังนั้น เชื่อว่ากำไรปีนี้จะเป็นสถิติใหม่แน่นอน"

 

คาดว่าไตรมาส 4/2558 ตลาดปูนซีเมนต์น่าจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล และมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลแห่งละ 5 ล้านบาท ซึ่งน่าจะทำให้เกิดโครงการก่อสร้างขนาดย่อมมากขึ้น ทำให้ตลาดรวมปีนี้โต 0-1%

 

ส่วนการลงทุนเมกะโปรเจ็คของรัฐ ที่ผ่านมามีการอนุมัติการลงทุนแล้ว เช่น มอเตอร์เวย์ 3 สาย รถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่ แต่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างจริง ทำให้การใช้ซีเมนต์ยังไม่เติบโต คาดว่าปี 2559 น่าจะเริ่มใช้จริง รวมถึงมีเมกะโปรเจ็คอื่นๆ ที่เชื่อว่ารัฐบาลจะเร่งผลักดันแน่นอน เช่น มินิไฮสปีดเทรนไทย-จีน

 

ด้านธุรกิจเอสซีจีในอาเซียนรวมทั้งรายได้จากฐานผลิตและการส่งออกจากไทย เฉพาะไตรมาส 3/2558 ทำรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือน ปี 2558 ทำรายได้ 7.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่สินทรัพย์รวมในอาเซียนมีมูลค่า 1.02 แสนล้านบาท คิดเป็น 20% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 5 แสนล้านบาท คาดว่าอนาคตจะมีสัดส่วนสูงขึ้น หลังเอสซีจีมีนโยบายขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยรายได้จากการส่งออกช่วง 9 เดือน พบว่า ตลาดอาเซียนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จาก 40% ของรายได้ส่งออกรวม 1.06 แสนล้านบาทเมื่อปี 2557 เพิ่มเป็น 43% จากรายได้รวม 9.77 หมื่นล้านบาทของปี 2558 แทนที่ตลาดเอเชียเหนือ เอเชียใต้ และอื่นๆ

 

ทั้งนี้ เฉพาะกลุ่มเอสซีจีซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในอาเซียน ตลาดเติบโตเป็นบวกตลอดปี 2558 สวนทางตลาดไทย โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2558 ตลาดอินโดนีเซียเติบโต 3% เวียดนามโต 20% กัมพูชาโต 38% และเมียนมาร์โต 43%

 

"อาเซียนเป็นตลาดที่เติบโตได้ดีมาก อาจยกเว้นอินโดนีเซียในช่วงนี้ที่การเติบโตต่ำ เพราะกำลังจะมีการเลือกตั้งและตลาดปูนซีเมนต์มีลักษณะโอเวอร์ซัพพลายแต่อินโดนีเซียมีตลาดขนาดใหญ่ คาดว่าจะมีการขยายตัวอีกมาก และเอสซีจีได้เปรียบเรื่องต้นทุน ต่อจากนี้หากมีบริษัทที่ต้องการออกจากธุรกิจปูนอาจเป็นโอกาสของเอสซีจีในการเทกโอเวอร์เป็นโรงงานแห่งที่สองได้" นายกานต์ กล่าว

 

ทั้งนี้ โรงงานปูนซีเมนต์ของเอสซีจีในอินโดนีเซียเปิดเดินเครื่องแล้วเมื่อ 4 สัปดาห์ก่อน ช่วงทดลองสามารถผลิตปูนได้ 5,000 ตันต่อวัน ด้านโรงงานใหม่ที่กำลังก่อสร้างในเมียนมาร์มีกำลังผลิต 1.8 ล้านตันต่อปี ตามแผนเริ่มผลิตได้ช่วงกลางปีหน้า ส่วนฐานผลิตใน สปป.ลาว จะเปิดเดินเครื่องช่วงปี 2560

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics