BUSINESS

PTTGC เล็งร่วมทุนญี่ปุ่นพัฒนาปิโตรคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ
POSTED ON 27/04/2558


ธุรกิจอุตสาหกรรม - หนังสือพิมพ์ทันหุ้น รายงานข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า "นายปฏิภาณ สุคนธมาน" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ได้เปิดเผยถึงโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในสหรัฐอเมริกา ที่มีมูลค่าเบื้องต้นราว 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าจะสามารถลงนามสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทรดดิ้งได้ราวไตรมาส 3/2558 โดยเบื้องต้นบริษัทฯ จะถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 51% และคาดว่าจะสรุปแผนการลงทุนชัดเจนได้ในไตรมาส 1/2559 ก่อนจะเริ่มสร้างปลายปี 2559 เพื่อให้มีผลผลิตออกมาในช่วงปี 2564

 

สำหรับความคืบหน้าของโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในสหรัฐฯนั้น ขณะนี้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในโครงการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2559 โดยจะต้องศึกษาทั้งในส่วนของมูลค่าการลงทุนที่ชัดเจน, การทำสัญญาซื้อวัตถุดิบระยะยาวทั้งในส่วนของปริมาณและราคา ตลอดจนการทำการตลาด ซึ่งหากได้ข้อสรุปและผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการก็คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 2559 และใช้เวลาก่อสร้าง 3-4 ปี เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2564

 

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการคัดเลือกพื้นที่ตั้งโครงการใน 3 รัฐ ได้แก่ โอไฮโอ, เวสต์ เวอจิเนีย และเพนซิลวาเนีย ในแถบมาร์เซลลัส (Marcellus) ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นแหล่ง Shale Gas ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นภูมิภาคที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในระดับสูง โดยการคัดเลือกจะพิจารณาจากการสนับสนุนของภาครัฐ ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความได้เปรียบในด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์ และความพอเพียงของแรงงานที่มีความสามารถ เบื้องต้นเห็นว่ารัฐโอไฮโอ มีความเป็นไปได้ในการตั้งโครงการดังกล่าว

 

โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐจะเป็นการผลิตโอเลฟินส์ขนาด 1 ล้านตันต่อปี ใช้ก๊าซอีเทนจาก Shale Gas เป็นวัตถุดิบ เพื่อรองรับตลาดในสหรัฐที่ยังมีการนำเข้าในปริมาณที่มาก รวมถึงจะมีการสร้างผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ได้แก่ โพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) 7 แสนตันต่อปี และโมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) และเอทิลีนออกไซด์ (EO) รวม 6 แสนตันต่อปี ขณะที่บริษัทจะทำสัญญากับผู้ผลิต Shale Gas หรือผู้จัดหา Shale Gas เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอในการผลิต

 

สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และเม็ดพลาสติก ยังคงมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4% ทั่วโลก ขณะที่ปัจจุบันกำลังการผลิตโอเลฟินส์ของโลกอยู่ที่ระดับ 140 ล้านตันต่อปี ซึ่งยังคงมีการใช้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ

 

ส่วนความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในอินโดนีเซีย มูลค่าลงทุนเบื้องต้นราว 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2558 ซึ่งเดิมเป็นการร่วมทุนเฉพาะเปอร์ตามินา แต่หลังจากที่กลุ่มเปอร์ตามินาเลือกซาอุดิอารามโก้มาเป็นพันธมิตรสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ทำให้มีแนฟทาเหลือมากพอที่จะรองรับการทำปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ จึงเห็นว่าควรจะร่วมกันดำเนินการทั้ง 3 ฝ่าย ล่าสุดทางเปอร์ตามินาจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับซาอุดิอารามโก้ต่อไป