ธุรกิจอุตสาหกรรม - บริษัท ชาร์ป คอร์ป (SHARP) แถลงถึงผลประกอบการของบริษัทฯประจำปีที่แล้ว (2557) ว่าขาดทุนมากถึง 222,000 ล้านเยน หรือราว 61,380 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าจะขาดทุนเพียง 30,000 ล้านเยน เนื่องจากธุรกิจจอ LCD ที่ย่ำแย่ และต้นทุนการปรับโครงสร้างองค์กรที่สูงขึ้น ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเตรียมเลิกจ้างพนักงานราว 4,900 คน หรือคิดเป็น 10% จากที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วโลกราว 49,000 คน โดยในจำนวนผู้ที่จะต้องออกจากงานในครั้งนี้จะเป็นพนักงานในญี่ปุ่นประมาณ 3,500 คน

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯยังเตรียมที่จะกู้เงินครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี มูลค่า 100,000 ล้านเยน หรือราว 28,300 ล้านบาท จากธนาคารมิซูโฮ และธนาคารมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ในจำนวนเท่ากัน เพื่อนำมาใช้เสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัทฯ และปฏิรูปโครงสร้างการทำงานให้มีวิสัยทัศน์มากขึ้น โดยชาร์ปคาดว่าในปีงบการเงินปัจจุบัน ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2558 บริษัทฯจะมีกำไรจากการดำเนินงานโดยรวม 80,000 ล้านเยน

อย่างไรก็ตาม ชาร์ปยังได้เปิดเผยถึงแผนที่จะเตรียมจำหน่ายสมาร์ทโฟนในอินโดนีเซีย โดยชาร์ปต้องการพึ่งพาศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของอินโดนีเซีย เนื่องจากโอกาสในการขยายฐานตลาดในญี่ปุ่นมีน้อยลง โดยชาร์ปพยายามที่จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นช่องทางในการยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ในอินโดนีเซีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้นำร่องด้วยการจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จำพวกตู้เย็นในอินโดนีเซียไปแล้ว ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลาง

สำหรับนอกญี่ปุ่นนั้น ชาร์ปได้จำหน่ายสมาร์ทโฟนเพียงแค่ในสหรัฐฯ โดยจำหน่ายรุ่น "Aquos Crystal" และในขณะนี้ชาร์ปวางแผนที่จะจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวกันนี้ในอินโดนีเซีย โดยชาร์ปมีความมุ่งมั่นที่จะพลิกกับมาทำกำไรได้อีกครั้ง ด้วยการรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันชาร์ปถือเป็นผู้จัดจำหน่ายหน้าจอสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรายใหญ่ของแอปเปิ้ล