BUSINESS

ดีสโตน ตั้งโรงงานแห่งที่ 5 ในไทย ขยายการผลิตยางรถใหญ่
POSTED ON 17/11/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม กล่าวหลังเปิดโรงงานผลิตยางรถบรรทุกเรเดียล บริษัท สยามทรัค เรเดียล จำกัด โรงงานแห่งที่ 5 ภายใต้กลุ่มบริษัท ดีสโตน ว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยางล้อของไทยอยู่อันดับ 6 ของโลก มูลค่าตลาดกว่า 1.8 แสนล้านบาท ผลิตเพื่อส่งออก 1.2 แสนล้านบาท ที่เหลือขายในประเทศ และมีแนวโน้มที่อุตสาหกรรมนี้จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2558 คาดขยายตัว 5-10% จากปัจจุบัน เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ โดยอุตสาหกรรมผลิตยางล้อใช้ยางพาราคิดเป็น 65% ของการแปรรูปยางพาราในประเทศ แต่ส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 2.57 แสนล้านบาท

 

กระทรวงฯ ต้องการผลักดันให้ผู้ประกอบการมีการแปรรูปมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า เพิ่มรายได้จากการส่งออก และเป็นการช่วยเกษตรกรชาวสวนยางทางอ้อม โดยการเพิ่มความต้องการยางในประเทศ โดยไม่ต้องรอการสั่งซื้อจากต่างประเทศพยุงไม่ให้ราคายางผันผวน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลพัฒนาการยางวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาทให้ผู้ประกอบการ

 

ทั้งนี้ ไทยผลิตและส่งออกยางธรรมชาติรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก โดยในปี 2556 ผลิตยางพารารวม 4.17 ล้านตัน ในจำนวนนี้ ส่งออกในรูปวัตถุดิบมากกว่า 3 ล้านตันต่อปี มูลค่าส่งออก 2.5 แสนล้านบาท ใช้ในประเทศเพียง 1.17 ล้านตัน มีการแปรรูปในประเทศเพียง 500,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็น 12% ของปริมาณผลผลิตยางธรรมชาติที่ผลิตได้ทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้น รัฐบาลจึงส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมนำยางพาราไปแปรรูปให้มากที่สุด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร

 

นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ไทยมีผู้ประกอบการยางรถโดยสารและรถบรรทุก 22 ราย ในปี 2556 มีสัดส่วนส่งออกยาง 40% ของมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์ยางทั้งหมด ไทยเป็นผู้นำส่งออกยางล้อในภูมิภาคอาเซียน มีบริษัทข้ามชาติรายใหญ่พร้อมทั้งเงินทุนและเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเข้ามาลงทุน ทำให้ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีล้อยางต่อเนื่อง คุณภาพได้รับการยอมรับ โดย Made in Thailand ได้รับการยอมรับในตลาดสหรัฐฯ ส่วนคู่แข่งของไทยคือ จีน แต่การผลิตส่วนใหญ่เพื่อใช้ในประเทศ

 

ด้าน นายเกริก วงศาริยวานิช รองประธานฝ่ายบริหาร กลุ่มบริษัท ดีสโตน จำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 3,500 ล้านบาท ตั้งโรงงานแห่งที่ 5 ที่ จ.นครปฐม เพื่อขยายสายการผลิตยางเรเดียลรถขนาดใหญ่ เช่น รถบรรทุก และบัส เป็นหลัก  กำลังการผลิต 1 ล้านชิ้นต่อปี มีกำลังการผลิตรวมในยางทุกประเภททั้ง 5 โรงงาน จำนวน 61 ล้านชิ้น เพิ่มปริมาณการใช้ยางจากเดิม 50,000 ตันต่อปี เป็น 70,000 ตันต่อปี ซึ่งการตั้งโรงงานแห่งที่ 5 จะเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มบริษัทฯ ประมาณ 6-7 พันล้านบาท ทำให้ยอดขายรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 1.3 หมื่นล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาท ในปี 2558 และในอีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทฯ มีแผนที่จะไปตั้งสำนักงานขายในพม่า และเวียดนามเพิ่มเติมอีกด้วย

 

สำหรับยางล้อรถที่ผลิตได้ เป็นยางล้อรถรถยนต์และรถกระบะ 40% รถบรรทุก 20% รถเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม 15% จักรยานยนต์ 15% และยางรถจักรยาน 10% โดยตลาดยางล้อรถยนต์นี้จะขยายตัว 5-10% ต่อปี

 

ส่วนปี 2558 หลังจากเดินเครื่องโรงงานใหม่จะทำให้ยอดขายโต 15-20% สูงกว่า อัตราการเติบโตของตลาดยางล้อที่ผลิตได้ 60% จะส่งออก ที่เหลืออีก 40% จำหน่ายภายในประเทศ ตั้งเป้าปี 2560 จะเพิ่มสัดส่วนตลาดส่งออกเป็น 75% ภายในประเทศ 25% ตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ  เอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ