BUSINESS

"บ้านปู" ลุยขยายโรงไฟฟ้าถ่านหิน รับประมูล IPP
POSTED ON 28/10/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บ้านปูมีแผนจะขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีเพิ่มขึ้นอีก 1,100 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ (IPP) ที่คาดว่าตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาว 21 ปี (2558-2579) หรือ พีดีพี 2015 จะมีสัดส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นในระดับที่ระดับ 30-40% หรือประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 18% หรือประมาณ 3,000 เมกะวัตต์

 

โดยมองว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับการกระจายเชื้อเพลิงถ่านหินที่มีต้นทุนต่ำกว่าก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า หากกระทรวงพลังงานสามารถเปิดประมูลไอพีพีโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้น โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีก็พร้อมเข้าร่วมประมูล ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาในพื้นที่เดิมที่มาบตาพุด

 

"แผนศึกษาโครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าบีแอลซีพีอีก 1,100 เมกะวัตต์ จะเป็นการลงทุนของผู้ร่วมทุนเดิมคือ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก 50% และ บ้านปู 50% โดยยังไม่ได้ประเมินวงเงินลงทุน แต่ปัจจุบันโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีมีหนี้สินน้อยมาก ยังมีความสามารถกู้ได้ อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เฟส 1 แม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีระดับโลก รวมทั้งใช้ถ่านหินบิทูมินัส ซึ่งเป็นถ่านหินคุณภาพดี แต่ก็จะมีการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อให้ดีขึ้นไปอีก โดยจะทำควบคู่กับเฟส 2" นายชนินท์ กล่าว

 

สำหรับแผนลงทุนปี 2558 บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างทบทวน เนื่องจากจะมีโครงการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา จากเดิมที่คาดว่าเงินลงทุนส่วนใหญ่จะถูกใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าหงสา 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีหน้า และโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน ก.พ. 2559 โดยบริษัทฯ ยังมองโอกาสการลงทุนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศจีน รวมทั้งการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย ญี่ปุ่น และจีน

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรสุทธิจากการขายไฟฟ้าเพิ่มจากปัจจุบันอยู่ที่ 25% และภายหลังโรงไฟฟ้าหงสาเสร็จจะเพิ่มเป็น 35% ในปี 2559 และเพิ่มเป็น 40% ในปีถัดไป

 

ส่วนยอดขายถ่ายหินของบริษัทฯ ในปีนี้ เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.08 แสนล้านบาท โดยปริมาณขายถ่านหินที่ 48.80 ล้านตัน แม้ว่าทางการจีนจะมีนโยบายห้ามการนำเข้าถ่านหินมลพิษสูงและขึ้นภาษีนำเข้าถ่านหิน แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณขายของบริษัทฯ สำหรับราคาถ่านหินเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน แม้ว่าในช่วงนี้ราคาถ่านหินจะปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการเติบโตที่ลดลง แต่ทางบริษัทฯ ได้มีการขายล่วงหน้าไปมากแล้ว เหลือเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เหลือไว้จำหน่ายนอกเหนือจากสัญญาซื้อขาย